วันที่ 22 ก.พ. 2563 ณ หน่วยเรือโพนพิสัย ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย น.ต.การันต์ มินวงษ์ หัวหน้าหน่วยเรือโพนพิสัย ร.ท.อุดม บัวสุข , พ.จ.อ.อุดม โชติจันทร์ ,จ.อ.คทาวุธ สิงหกรรม,จ.อ.ประยูร วงศ์จีน ,จ.อ.อภิรัตน์ ชาญเดช ,จ.อ.ธวัช สายโพธิ์ , จ.อ.นันทวุฒิ พุทธเจริญ , จ.อ.อภิวัฒน์ หาญชนะ , จ.อ.สุรศักดิ์ อรัญมิ่ง ,จ.อ.อภิวัฒน์ นะคะจัด จ.อ.รัชกฤช อ่อนสุวรรณ ร่วมกับ ร.ท.ณัฏฐภัทร สุขศิริ ผบ.ร้อย คทร.ที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ กองร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 2 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.245 หนองคาย ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเดื่อ โดยการอำนวยการของ พล.ร.ต.สมพงษ์ ศรอากาศ ผบ.นรข. ,พล.ต.สวราชย์ แสงผล ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,พล.ต.ต.สุระชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จังหวัดหนองคาย ,น.อ.ชัชวาลย์ โตรุ่ง ผบ.นรข.เขตหนองคาย ,พ.อ.โฆษิตพิพงษ์ นิลเอก ผบ.กอ.ควบคุมที่ 2 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,พ.อ.กรกิจ ศรีทองกุล ผบ.ขกท.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,พ.อ.เรวัฒ ธรรมจิรเดช รอง ผบ.กอ.ควบคุมที่ 2 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ได้ร่วมกันแถลงจับกุม นายสาคร หรือสา มาลาศรี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 ม.7 ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 300,399 เม็ด ,ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ( กัญชา) น้ำหนัก 168 กรัม ,โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ,มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย น.ต.การันต์ มินวงษ์ หัวหน้าหน่วยเรือโพนพิสัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 เวลาประมาณ 17.00 น. หน่วยเรือโพนพิสัย (นรข.เขตหนองคาย) ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติด บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ.หัวหาด หมู่ 7 ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย จึงรายงานให้ น.อ.ชัชวาลย์ โตรุ่ง ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบ และ ประสานไปยัง สถานีเรือหนองคาย (นรข.เขตหนองคาย) และหน่วยงานใกล้เคียง วางแผนร่วมการจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าวางกำลังดักซุ่มตามที่สายลับแจ้งและบริเวณใกล้เคียง จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ ฯ ใช้กล้องส่องกลางคืนตรวจการณ์ในแม่น้ำโขง พบเรือกีบเพลายาวพายมาจากฝั่ง สปป.ลาว โดยมีชายต้องสงสัย 2 คน พายเรือตรงมายังฝั่งไทยใกล้กับบริเวณที่เจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบชายต้องสงสัยเดินจากท้ายบ้านมาตามถนนทางการเกษตรมายังริมฝั่งแม่น้ำโขงตรงบริเวณที่เรือลำดังกล่าวพายมา จากนั้นเรือต้องสงสัยได้พายเข้าเทียบริมตลิ่งฝั่งไทยตรงบริเวณ บ้านหัวหาด หมู่ 7 ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย ตรงที่ชายต้องสงสัยยืนรออยู่โดยชายที่รออยู่บนฝั่งได้จุดไฟแช๊คสองถึงสามครั้งให้สัญญาณกับเรือลำดังกล่าว เจ้าหน้าฯได้ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนเฝ้าตรวจดูอยู่ตลอดเวลาโดยชายที่อยู่หัวเรือนำกระสอบขนาดใหญ่สองถุงขึ้นมาวางไว้บนฝั่งแล้วรีบกระโดดลงเรือและผลักหัวเรือพายหลบหนีกลับไป ฝั่งลาวอย่างรวดเร็ว ชายที่รออยู่บนฝั่งจึงได้รีบลงไปเอาวัตถุต้องสงสัยที่ชายมากับเรือนำมาวางไว้ขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำโขงมาไว้ถนนทางการเกษตรทีละห่อ แล้วจึงนำวัตถุต้องสงสัยทั้งสองห่อเดินขึ้นไปที่ถนนริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยแบกไว้บนบ่าด้านซ้ายหนึ่งถุง และหิ้วด้วยมือขวาอีกหนึ่งถุงเจ้าหน้าที่ฯจึงเปิดไฟฉายไปที่ชายที่นำห่อวัตถุขึ้นมาพร้อมแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ฯสั่งให้หยุด ชายดังกล่าวแสดงอาการตกใจทิ้งห่อวัตถุที่นำมาจากเรือพยายามวิ่งหลบหนีแต่เจ้าหน้าที่ฯสามารถคุมตัวไว้ได้ สอบถามเบื้องต้นชื่อ นายสาคร หรือสา มาลาศรี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 บ้านหัวหาด ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ฯจึงทำการควบคุมตัวและ ตรวจค้นกระเป๋าผ้าร่มสะพายหลังของนายสาครฯสะพายอยู่ เปิดกระเป๋าออกดูต่อหน้านายสาคร ฯ พบเป็นยาบ้าของกลางทั้งหมดรวม 300,399 เม็ด และกัญชาจำนวน 168 กรัม สอบถามเบื้องต้น นายสาครฯได้รับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจาก ท้าวเสา ราษฎรบ้านบักนาว เมืองปากงึม แขวงนครหลวงเวียงจันทร์ ให้นำยาบ้าทั้งหมดขึ้นมาวางไว้บนถนนริมโขงบ้านหัวหาด โดยจะมีลูกค้าชาวไทยมารับต่อ โดยตนจะได้รับค้าจ้างเป็นจ้านวนเงิน 10,000 บาท และมาถูกเจ้าหน้าที่ฯจับกุมก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่ได้มีโทรศัพท์ของท้าวเสา ชาว สปป.ลาว ผู้ว่าจ้างโทรเข้ามายังโทรศัพท์ของนายสาครฯ โดยท้าวเสาได้สอบถามนายสาครฯว่าได้รับของเรียบร้อยหรือยังและท้าวเสายังได้ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับคนที่จะมารับยาบ้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนร่วมกับนายสาครฯโดยนายสาครสมัครใจให้ความร่วมมือฯเจ้าหน้าที่ได้ให้นายสาครฯโทรศัพท์ไปยังหมายเลขที่ท้าวเสาให้มามีผู้รับสายปลายทางเป็นเสียงผู้ชายและพูดคุยกับนายสาครฯถึงสถานที่ ที่จะรับส่งมอบยาเสพติดกัน แต่ผู้ที่จะมารับยาเสพติดไหวตัวทันไม่ได้ติดต่อมาอีก ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.บ้านเดื่อ ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป. ภัทรวินทร์ ลีปาน หนองคาย