“FSMART”ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.34 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ปี 2562 ที่ 10.26% กำหนดจ่าย 28 เม.ย.63 จากผลประกอบการรวมปี 62 มีรายได้รวม 3,419 ล้านบาท กำไร 584 ล้านบาทสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท พร้อมเปิดแผนธุรกิจปี 63 จัดกลุ่มธุรกิจเป็น 3 กลุ่มหลักขยายโอกาสหารายได้และรองรับธุรกิจใหม่ในอนาคต ชี้เพิ่มสินค้าและบริการใหม่ๆให้ครอบคลุมต่อเนื่อง วางเป้าหมายยอดธุรกรรมทางการเงินโต40-45% จากปีก่อน และปล่อยสินเชื่อเสริมรายได้ คาดปีนี้เติบโตโดยรวมที่ 4-6 % นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) “FSMART” ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2563 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.66 บาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วอัตราหุ้นละ 0.32 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังในอัตราหุ้นละ 0.34 บาท คิดเป็น Dividend Yield ปี 2562 ที่ 10.26% รวมเป็นเงินประมาณ 265.2 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date)ในวันที่ 6 มี.ค.63 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 เม.ย.63 อย่างไรก็ตามบริษัทจะนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2562 ในวันที่ 17 เม.ย.63 อีกครั้งหนึ่ง สำหรับผลประกอบการงวดปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 3,419 ล้านบาท กำไรสุทธิ 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากปี 2561 ที่มีกำไร 583 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการใช้บริการผ่านตู้บุญเติมจำนวน 40,496 ล้านบาทจากตู้บุญเติมครอบคลุมทุกพื้นที่กว่า 130,481 ตู้ เพิ่มขึ้น 0.3% จากปีก่อน โดยบริการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารยังมีอัตราการเติบโตที่ดีและต่อเนื่อง จากการเป็นตัวแทนรับฝากเงินจาก 6 ธนาคาร มีจำนวนรายการโอนเฉลี่ย 1.16 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 25.3% จากปีก่อน ขณะที่บริการเติมเงินมือถือที่เป็นธุรกิจหลักมีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 21 ล้านเลขหมาย ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 บริษัทมีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 142 ล้านบาท นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานในปี 2563 ว่า บริษัทได้ปรับวิสัยทัศน์เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค และแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลักได้แก่ ธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ (Online Top-Up & Payment Business) ธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร (Banking Agent & Lending business) และธุรกิจส่งมอบสินค้าและบริการ (Distribution Platform Business) เพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจและการขยายธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ (Online Top-Up & Payment Business) บริษัทฯ ยังเน้นกลยุทธ์บริหารจัดการจุดติดตั้งตู้บุญเติมที่มีคุณภาพ และเพิ่มบริการใหม่ๆต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาตู้บุญเติมให้สามารถบริการในรูปแบบต่างๆ อาทิ ตู้จำหน่ายซิมการ์ด ตู้ให้บริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) โดยมีเป้าหมายเพิ่มจุดติดตั้งตู้บุญเติมอีก 1,000-2,000 จุด ขณะที่ธุรกิจให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร (Banking Agent & Lending Business) บริษัทมีเป้าหมายยอดธุรกรรมจากบริการโอนเงินเติบโต 40-45% จากปีก่อน ด้วยความมุ่งเน้นให้บุญเติมเป็นศูนย์รวมของตัวแทนธนาคาร หรือ Banking Agents ที่ปัจจุบันตู้บุญเติมมีบริการรับฝากเงิน/โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแล้ว 6 ธนาคารมากที่สุดในประเทศไทยได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมีแผนเพิ่มธนาคารอีกอย่างน้อย 1 ราย และพัฒนาศักยภาพของตู้บุญเติมให้บริการทางการเงินครบวงจร ทั้งฝาก ถอน โอน จ่าย และเปิดบัญชีผ่านบริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC)ในตู้เดียว ส่วนบริการสินเชื่อ บริษัทได้เริ่มทยอยปล่อยสินเชื่อรายย่อยส่วนบุคคลให้เฉพาะกับกลุ่มตัวแทนตู้บุญเติม พนักงานของตัวแทนและพนักงานของบริษัทในเครือไปแล้วประมาณ 89 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งไว้สำหรับการปล่อยสินเชื่อในปีนี้อยู่ที่ 500-800 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง สำหรับธุรกิจส่งมอบสินค้าและบริการ (Distribution Platform Business)นั้นจะเป็นการบริการจัดการระบบตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติทั้งหมดได้แก่ ตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติที่มีบริการเติมเงิน-รับชำระเงินของตู้บุญเติมให้เลือกใช้บริการ (Vending Machine & Top-Up Service) ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ตู้จำหน่ายกาแฟสด ซึ่งปีนี้มีแผนจะขยายตู้ดังกล่าวทั้งหมดอีก 3,000-4,000 ตู้ จากปัจจุบันที่มีกว่า 3,500 ตู้รวมไปถึงตู้/สถานีชาร์จและเปลี่ยนแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า/สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งบริษัทได้พัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเริ่มดำเนินการธุรกิจใหม่ที่ใช้ความเป็นผู้นำเครือข่ายมาเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจเช่น ธุรกิจกระจายสินค้าให้กับร้านค้าปลีกชุมชน (โชห่วย)ต่างๆ บริษัทมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ โดยอาศัยเครือข่ายและความได้เปรียบทางธุรกิจของบริษัทฯ ในการพัฒนาและขยายธุรกิจไปสู่โอกาสใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อสร้างให้ธุรกิจบุญเติมเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ที่เติบโตในอนาคต ทั้งนี้จากแนวทางการดำเนินงานที่กล่าวมาทั้งหมด และความได้เปรียบทางธุรกิจด้วยการเป็นผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจรที่กระจายอยู่ทั่วประเทศที่ทำให้สามารถสร้างความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าและบริการให้กับลูกค้าปัจจุบันและการขยายฐานไปสู่ลูกค้าใหม่ จะผลักดันให้มีการเติบโตโดยรวมประมาณ 4-6% ในปีนี้