กรมการค้าภายในเสนอควบคุมการค้าหน้ากากอนามัยป้องกันโรคโควิด-19 ระบุให้นำติดตัวไปต่างประเทศไม่เกิน 30 ชิ้นต่อครั้ง-คนป่วยมีใบรับรองแพทย์ 50 ชิ้น มีผลทันทีวันนี้ 21 ก.พ.63 สกัดหัวหมอส่งออกไม่เกิน 500 ชิ้น พร้อมเร่งกระจายในประเทศให้ถึงมือผู้มีความเสี่ยงโดยด่วน นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)เปิดเผยว่า เนื่องจากมีการเข้มงวดการขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัย จึงมีผู้ที่พยายามแยกการส่งออกไม่ให้ถึง 500 ชิ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขการขออนุญาต กกร.จึงมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาห้ามการส่งออกหน้ากากอนามัย ยกเว้นได้รับการอนุญาตจากเลขานุการ กกร. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.63 เป็นต้นไป โดยการนำออกได้มีกรณีเดียวคือ การนำไปใช้เป็นการส่วนตัวไม่เกิน 30 ชิ้น/คน/ครั้ง ยกเว้นคนป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ให้นำติดตัวได้ไม่เกิน 50 ชิ้น สำหรับกรณีประเทศเพื่อนบ้าน หากมีความจำเป็นใช้ให้ติดต่อกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง โดยขอให้มีคำขอระบุการขออนุญาตส่งออกในจำนวนที่ต้องการในนามของรัฐบาลโดยตรง กรมการค้าภายในจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการอนุญาตการส่งออกซึ่งหน้ากากอนามัย ซึ่งมีผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์ร่วมพิจารณาสำหรับการจัดสรรเพื่อให้ผู้ใช้มีปริมาณเพียงพอ ราคาเป็นธรรม ทั้งนี้กรมการค้าภายในได้แจ้งผู้ครอบครองหน้ากากอนามัยให้จัดสรรให้กับศูนย์บริหารจัดการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ในปริมาณที่ครอบครอง โดยกำหนดเวลาให้จัดสรรได้ภายในวันที่ 21 ก.พ.63 หากเลยวันนี้ไปแล้วจะฝ่าฝืนกฎหมาย กกร.มาตรา 25 (9) มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเตือนให้ผู้ครอบครองปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้เสนอให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตส่งออกตั้งแต่ 500 ชิ้นขึ้นไปให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่าย แจ้งปริมาณการเก็บสต๊อก ราคาซื้อขาย ต้นทุนการผลิต ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.63 เป็นต้นมา และยังกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้จัดสรรหน้ากากอนามัย จำหน่ายให้กับศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายในจัดการกระจาย 5.55 ล้านชิ้น ซึ่ง กกร.มีคำสั่งให้ตั้งขึ้นมา โดยกระจายให้องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาล 3.5 ล้านชิ้น ร้านธงฟ้าลดค่าครองชีพ 1.8 ล้านชิ้น การบินไทย 180,000 ชิ้น สมาคมร้านขายยา 175,000 ชิ้น รวมเดือนก.พ.63 จำนวน 12 ล้านชิ้น สำหรับเดือนมี.ค.63 จะมีหน้ากากอนามัยเข้ามาในศูนย์ฯอีกไม่น้อยกว่า 15 ล้านชิ้น เพื่อกระจายให้ทั่วถึง รวมถึงให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควรและฝ่าฝืนประกาศที่ กกร.กำหนดอย่างจริงจังและเด็ดขาด ความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องการแจ้งปริมาณการครอบครองหน้ากากอนามัย มีผู้แจ้งตามกำหนดเมื่อวันที่ 6 ก.พ.63 มี 2 ราย จำนวน 217,000 ชิ้น กรมการค้าภายในจึงออกหมายเรียกให้ผู้ที่ครอบครองหน้ากากอนามัยเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งทีมงานออกตรวจสตอกปรากฏว่าถึงวันที่ 20 ก.พ.63 มีผู้แจ้งสตอกเพิ่มขึ้นเป็น 74 ราย มีสตอกรวม 28 ล้านชิ้น เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีหน้ากากอนามัยป้อนตลาดมากขึ้น ส่วนการควบคุมการส่งออก มีผู้ค้าขออนุญาตส่งออกรวม 100 รายจำนวน 32.68 ล้านชิ้น คณะอนุกรรมการพิจารณาการขออนุญาตการส่งออกซึ่งหน้ากากอนามัยที่กรมการค้าภายในได้พิจารณาที่จะให้ส่งออก โดยส่งออกได้เฉพาะหน้ากากที่มีคุณลักษณะหรือสเปคที่ไม่ได้ใช้ในเมืองไทย มีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ว่าจ้างผลิต และมีความพร้อมในการผลิตในสเปคที่ใช้ในเมืองไทยที่ป้อนให้ตลาดเมืองไทยเป็นลำดับแรก ถึงขณะนี้มีผู้ที่ได้รับการพิจารณาอนุญาต 1 ราย จำนวน 2.1 ล้านชิ้น โดยผู้ส่งออกยอมรับเงื่อนไขที่จะผลิตให้ผู้ซื้อในประเทศไม่น้อยกว่า 7.2 ล้านชิ้น ส่วนผู้ส่งออกรายอื่นยังไม่อนุมัติให้ส่งออกได้