ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ดัชนีหุ้นไทยเปิดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ1,485.99 จุด ปรับลง -5.25 จุด หรือคิดเป็น -0.35% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 3,004 ล้านบาท สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ PTT มูลค่าซื้อขาย 389.92 ล้านบาท ราคาหุ้น -0.75 (-1.68%),AOT มูลค่าซื้อขาย 222.54 ล้านบาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง,BAM มูลค่าซื้อขาย 179.81 ล้านบาท ราคาหุ้น +0.25 (+0.91%),CRC มูลค่าซื้อขาย 142.32 ล้านบาท ราคาหุ้น +0.25 (+0.60%),KTC มูลค่าซื้อขาย 89.82 ล้านบาท ราคาหุ้น -0.25 (-0.60%) น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ประกอบกับภายในยังถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่หลายสำนักวิจัยได้ออกมาปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ที่ล่าช้า รวมถึงยังเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/62 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมาคละกันทั้งดีขึ้นและแย่ลง โดยล่าสุด บมจ.ปตท. (PTT) ประกาศผลประกอบการออกมาแม้ตลาดจะคาดว่าผลการดำเนินงานจะไม่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีแรงขายออกมากดภาพรวมการลงทุนเช่นกัน นอกจากนี้นักลงทุนยังรอติดตามการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ว่าจะมีการยุบพรรคหรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลในเวลาประมาณ 15.00 น.ทำให้นักลงทุนยังคงระมัดระวังการลงทุน ทั้งนี้ดัชนีพยายามทรงตัวที่ระดับ 1,480 จุด ซึ่งหากยืนไม่ได้จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,460 และ 1,450 ส่วนแนวต้านที่ 1,500 จุด