เมื่อวันที่ 16 ก.พ.63 นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟป่า ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่า ในวันนี้ จากค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ( มคก./ลบ.ม.) ได้พุ่งสูงถึง 127 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่า 143 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ สาเหตุมาจากการลอบเผาป่า ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะ พื้นที่ ต.ผาบ่อง และ ต.ห้วยโป่ง ต.ปางหมู อ.เมือง โดยไม่ได้มีการเผาตามหลักวิชาการทำให้ควันไฟป่าบริเวณเทือกเขารอบตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ได้ถูกความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็น กดกลุ่มควันให้ลอยต่ำปกคลุมตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองพุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว ทางจังหวัดได้ปรับเปลี่ยนแผนการชะลอชิงเผาไปก่อน และได้มีการกำชับไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ( อบต.) ให้รวมมือกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการเฝ้าระวังการลอบเผาป่า หากพบให้สามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที เนื่องจากการเผาป่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง รวมไปถึงกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้เครื่องบินไม่สามารถบินมาลงยังสนามบินได้ จนสายการบินต้องเลื่อนเที่ยวบินออกไปเป็นช่วงเวลาค่ำ จากการลอบเผาป่าในหลายพื้นที่ ทำให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ต้องส่งกำลังออกไปทำการดับไฟป่า อย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ก็พบว่า ในหลายพื้นที่ที่เกิดไฟป่า ทางเจ้าหน้าที่และราษฎรแต่ละหมู่บ้านไม่สามารถเข้าไปดับไฟป่าได้เนื่องจากเป็นเทือกเขาสูงชัน ทำให้ยังคงมีควันไฟป่าปกคลุมแทบทุกพื้นที่ ทางด้านศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจากไฟป่า รายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 ก.พ.2563 ที่ผ่านมา ของดาวเทียมระบบเวียร์ ได้ตรวจพบจุดความร้อน ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 45 จุด ประกอบด้วย อ.ปาย 17 จุด , อ.ปางมะผ้า 1 จุด , อ.เมือง 17 จุด อ.ขุนยวม 1 จุด , อ.แม่ลาน้อย 4 จุด , อ.แม่สะเรียง 4 จุด และ อ.สบเมย 1 จุด โดยพบว่าพื้นที่ที่มีการลอบเผาป่ามากที่สุดคือ อ.ปาย และ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน