เมื่อเวลา 19.20 น.วันที่ 14 ก.พ.63 ร.ต.ท.วสวัตติ์ สิทธิราช รอง สว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาทกันและจุดไฟเผาห้องพัก ที่ศิวนันท์แมนชั่น ภายในซอยประชาอุทิศ 20 ถนนประชาอุทิศ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.เอกภณ พุทธิกุล สว.ป.สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถานีดับเพลิงห้วยขวาง และหน่วยบรรเทาสาธารณภัย ประมาณ 10 คัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)แพทย์นิติ รพ.รามาฯ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 8 ชั้น โดยที่บริเวณชั้น 3 พบแสงเพลิงจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากห้อง และมีเสียงระเบิดดังออกมาเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ต้องใช้น้ำดับเพลิงนานประมาณ 20 นาที เพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบภายในห้องพบชาย 1คน สภาพศพไหม้เกรียมทั้งตัว นอนหงายบริเวณปลายเตียงนอน ทราบชื่อต่อมาคือนายหยาง อายุ 37 ปี สัญชาติจีน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิงอีก 1 ราย น.ส.พรพิมล อายุ 36 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกของมีคมที่บริเวณแขนทั้ง2 ข้าง เจ้าหน้าที่ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากการสอบสวนพยานที่เกิดเหตุทราบว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ได้ยินเสียงชายหญิงทะเลาะกันดังมาจากหอพักดังกล่าว ต่อมาก็เห็นฝ่ายหญิงสาววิ่งลงมาจากอาคาร โดยมีบาดแผลเลือดไหลนองตามแขนทั้ง 2 ข้าง จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็พบนายหยาง ถือมีดขู่และทำร้ายตัวเองอยู่ภายในห้อง เจ้าหน้าที่จึงพยายามเกลี้ยกล่อม แต่นายหยาง ได้ปิดประตูขังตัวอยู่ในห้อง จากนั้นก็มีแสงเพลิงและควันพุ่งออกมาจากห้องพัก จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาดับไฟ แต่นายหยาง ยังอยู่ในห้องจึงโดนไฟคลอกเสียชีวิต ด้าน พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า จากการสอบสวน ทราบว่าผู้ตายและน.ส.พรพิมล แฟนสาวทำงานเป็นไกด์ ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เกิดอาการเครียดจากการตกงานและได้ชวนแฟนสาวฆ่าตัวตาย แต่แฟนสาวไม่เห็นด้วย ระหว่างมีปากเสียงกันผู้ตายได้ใช้มีดปังตอฟันที่แขนแฟนสาว จึงรีบวิ่งหนีลงมาขอความช่วยเหลือ ก่อนที่ผู้ตายจะใช้มีดทำร้ายตัวเองและจุดไฟเผาห้องจนถูกไฟคลอกตายดังกล่าว หลังจากนี้จะได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนศพนำส่งนิติเวช รพ.รามาฯ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป