“ไซมิส แอสเสท” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 290 ล้านหุ้น และอาจจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ชูจุดเด่นด้านการนำนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมาใช้สร้างความแตกต่างแก่โครงการและยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัย นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอทเสท จำกัด (มหาชน)หรือ SA เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูงครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับอาทิ คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ฯลฯ มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ บนทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งในย่านใจกลางเมือง ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่ (New CBD) ตลอดจนสร้างความแตกต่างแก่โครงการในแต่ละทำเลด้วยการนำนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมาใช้เพื่อสร้างจุดเด่นแก่โครงการและยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุนในระยะยาว ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทแบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 3 ส่วนได้แก่ 1.ธุรกิจพัฒนาและจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยอาทิ แบรนด์ The Collection คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury,แบรนด์ Siamese Exclusive คอนโดมิเนียมระดับ High End ในย่าน CBD,แบรนด์ Siamese Gioia คอนโดมิเนียมระดับ Middle High สไตล์ Boutique ในย่านชุมชนเมือง, แบรนด์ Siamese คอนโดมิเนียมระดับ Middle High เน้นทำเลที่เดินทางสะดวก,แบรนด์ Blossom คอนโดมิเนียมระดับ Urban Mass ในทำเลพื้นที่รอบนอกใกล้แนวรถไฟฟ้า 2.ธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เช่น ให้บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด,ให้บริการนายหน้าจัดหาผู้เช่าห้องชุด และ 3.ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบการจำหน่ายห้องชุดที่มีบริการให้เช่า (Serviced Residence) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและตอบสนองลูกค้าที่เป็นนักลงทุน โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์แล้วทั้งสิ้น 20 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 16 โครงการ บ้านจัดสรร ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 48,546 ล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายในปัจจุบัน เช่น คอนโดมิเนียม Siamese Exclusive (Sukhumvit 31),คอนโดมิเนียม Blossom @ Sathorn-Charoenrat “บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย เน้นการพัฒนาโครงการในทำเลใจกลางเมือง ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ใกล้ระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความคุ้มค่าให้แก่ผู้ซื้อ โดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและทีมงานในธุรกิจก่อสร้างกว่า 30 ปี พร้อมมองโอกาสขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาโครงการในหัวเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในประเทศ พิจารณาการลงทุนในต่างประเทศ และศึกษาการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์” นอกจากนี้ในอนาคตได้วางแผนงานขยายการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส (Mixed-use)ที่ผสมผสานการใช้งานต่างๆ อาทิ อาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงานให้เช่า พื้นที่ค้าปลีกและโรงแรมในพื้นที่เดียวกัน ขณะที่ผลประกอบการบริษัทฯ ในปี 2559 - 2561 มีรายได้รวม 1,167.1 ล้านบาท 1,436.4 ล้านบาท และ 2,034.8 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 32.4% โดยมีสัดส่วนรายได้หลักจากการขายอสังหาริมทรัพย์ และมีกำไรสุทธิ 65.7 ล้านบาท 81.6 ล้านบาท และ 177.3 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2562 มีรายได้รวม 2,519.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 338.8 ล้านบาท เติบโต 217.8% และ 619.6% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 บมจ.ไซมิส แอสเสท ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) สำหรับปัจจุบัน บมจ.ไซมิส แอสเสท มีทุนจดทะเบียน 1,281,547,300 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,281,547,300 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วจำนวน 961,547,300 บาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 290 ล้านหุ้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 23.2 ของจำนวนหุ้นสามัญออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ และหากมีผู้จองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายดังกล่าว อาจจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over – allotment) จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น โดยเมื่อรวมกับหุ้น IPO แล้วจะมีจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 320 ล้านหุ้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ชำระเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท