เรียกว่าเป็นโรคดึกดำบรรพ์อยู่ยงคงกระพันมานาน ทั้งยังมีการเปรียบเทียบกันว่าไวรัสโคโรนา หรือชื่อใหม่ที่ว่า “โควิด-19” ที่ว่ามาแรง แต่ของจริงที่แรงกว่าและแรงมานานคือ วัณโรคเจ้าเก่า หลายครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าววัณโรคที่ไม่ค่อยจะคุ้นหู อาทิ วัณโรคหลังโพรงจมูก ที่คร่าชีวิตนักร้องวัยรุ่น รวมทั้งวัณโรคนี้ วัณโรคที่กระดูก นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ เผยว่า โรควัณโรคที่กระดูกเป็นภาวะที่พบได้ประมาณ 1% ของการเกิดวัณโรคทั้งหมด ในจำนวนนี้มีการเกิดที่บริเวณมือหรือนิ้วมือประมาณ 4% โดยมักจะพบที่บริเวณเส้นเอ็นและเยื่อหุ้มเส้นเอ็น มากกว่าที่กระดูก ถ้าเป็นที่กระดูกในมือ มักจะพบเรียงจากมากไปน้อย คือ กระดูกฝ่ามือ กระดูกนิ้วส่วนต้น กระดูกนิ้วส่วนกลาง และ กระดูกนิ้วส่วนปลาย ตามลำดับ ผู้ป่วยมักมีอาการไม่ชัดเจน โดยอาการที่พบได้จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในระดับต่างๆ อาการที่พบได้บ่อย คือ มีอาการบวมและรู้สึกตึงบริเวณกระดูกมือในบริเวณที่เป็นโรค ในผู้ป่วยบางรายอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกหักที่เกิดจากการที่โรคทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง ในระยะที่โรคมีการดำเนินไประยะเวลาหนึ่ง อาจพบมีหนองไหลออกมาให้เห็นที่ผิวหนังได้ ประกอบกับอาการอื่นๆ เช่น อาการไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึ่งมักไม่พบในกรณีที่เป็นโรคที่เป็นที่ตำแหน่งเดียว แต่อาจพบได้ในกรณีที่เป็นรอยโรคหลายตำแหน่ง นพ.ศักรินทร์ วงศ์เลิศศิริ ผอ.โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวว่า การตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรควัณโรคนิ้วมือที่สำคัญ ซึ่งสามารถทำได้โดยนำชิ้นเนื้อที่บริเวณรอยโรคมาตรวจ และการนำชิ้นเนื้อที่มีเชื้อโรคมาเพาะเชื้อยังสามารถช่วยในการเลือกยาต้านวัณโรคที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วยได้ ในกรณีที่สงสัยเชื้อดื้อยาหรือไม่ตอบสนองต่อยาต้านวัณโรคที่ได้รับ การรักษาหลักของวัณโรคที่กระดูกมือคือการให้ยาต้านวัณโรค โดยถ้าพบและได้รับ การรักษาตั้งแต่ในระยะแรกของโรค จะสามารถหายขาดได้โดยไม่ต้องได้รับการผ่าตัด โดยผู้ป่วยจะต้องได้รับยาประมาณ 6-9 เดือน ยาหลักที่ให้เป็นยาขนานแรกประกอบด้วย ไอโซไนอาซิด ไรแฟมพิซิน ไพราซินาไมด์ และอีแทมบูทอล ซึ่งยาเหล่านี้มีผลข้างเคียงหลายอย่างที่ต้องระวัง เช่น ตับอักเสบ เส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ และเส้นประสาทตาอักเสบ เป็นต้น ดังนั้น การใช้ยาเหล่านี้จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด