วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ที่กรมราชทัณฑ์ พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์เปิดเผยว่า ตามที่สำนักข่าว Dailymail ของสหราชอาณาจักร ได้รายงานข่าวว่านักโทษชายรายหนึ่งซึ่งถูกคุมขังในประเทศไทยและถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สหราชอาณาจักรและในปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำบุลลิงดิน (HM Prison Bullingdon) มีอาการป่วยและต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 พร้อมนำนักโทษรายนี้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ด้านนอกเรือนจำ ตามมาตรการกักกันโรค นั้น พันตำรวจเอก ณรัชต์ กล่าวว่า ผู้ต้องขังรายดังกล่าวคือนายมาร์ค จอร์น รัมเบิล อายุ 31 ปีสัญชาติอังกฤษ ถูกจับกุมในข้อหาตาม พ.ร.บ.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนและถูกส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 และได้ดำเนินการตรวจสุขภาพแรกรับ ซึ่งผลตรวจพบว่าผู้ต้องขังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สัญญาณชีพปกติ ปฏิเสธโรคประจำตัว ไม่มีปัญหาสุขภาพจิต ปฏิเสธการใช้สารเสพติดและไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยฟกช้ำที่ร่างกาย ต่อมาสถานเอกอัคราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยร้องขอต่ออัยการสูงสุด เพื่อส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในข้อหาสมคบเพื่อจำหน่ายยาเสพติดไปยังประเทศอังกฤษ และในวันที่ 22 มกราคม 2563 จึงได้ส่งตัวผู้ต้องขังพบแพทย์หญิง รวมทิพย์สุภานันท์ (ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์) เนื่องจากมีคำร้องขอใบรับรองแพทย์ เพื่อให้ระบุว่าผู้ต้องขังสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินกลับสหราชอาณาจักรได้ เนื่องจากเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งผลการตรวจร่างกายพบว่าอาการปกติ ไม่มีไข้ พร้อมสั่งเอ็กซ์เรย์ปอดและเก็บตัวอย่างเสมหะ เป็นเวลา 2 วัน เพื่อตรวจเช็ควัณโรคปอด กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่าได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกระทรวงสาธารณสุขในการวางมาตรการป้องกันการระบาดของโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนาภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ โดยมีการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ป่วยโรคไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ มีการนำเจ้าหน้าที่ด้านการรักษาพยาบาลและสาธารณสุขเข้ามาคัดกรองและตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกวันพร้อมรายงานตลอด 24 ชั่วโมงและคัดแยกผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจออกจากผู้ต้องขังทั่วไป หากตรวจพบผู้ต้องขังเข้าข่ายจะมีมาตรการรองรับโดยร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่ายในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งในเรือนจำก็มีการให้ความรู้การดูแลตนเอง การรณรงค์การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยอย่างเต็มที่ ทำให้ในปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ที่มีหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังถึง 374,406 ราย ยังไม่พบรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาภายในเรือนจำ และเพื่อความปลอดภัยจึงได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้มีการตรวจการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในเรือนจำอีกครั้งหนึ่ง