นายก ควรอาลัยต่อความสูญเสีย ผบ.ทบ. อย่าร่ำไห้ ควรล้อมคอก จตุพร ขอทุกฝ่ายร่วมกันคิดหาทางออก เตือน ประยุทธ์ ปรับวิธีการเเสดงออก ชวนคนไทยร่วมไว้อาลัย จี้ ผบ.ทบ.หามาตรการป้องไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ มากกว่ามานั่งร่ำไห้ หลังทหารคลั่งปล้นปืนกราดยิงโหดโคราช วันที่ 11 กุมภาพันธุ์ 2563 ที่เรือนจำพิเศษพัทยา นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารคลั่งปล้นปืนกราดยิงโหดโคราช ที่มีผู้เสียชีวิต 30 รายและมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ สิ่งที่อธิบายกับสังคมไทยอย่างชัดเจนคือ คนไทยต่างอยู่ในจุดที่มีความอดทนขั้นต่ำสุด และไม่พร้อมที่จะอดทนต่อเรื่องใด จากภายใต้สิ่งที่กดทับโดยเฉพาะความทุกข์ร้อนเรื่องเศรษฐกิจที่แสนสาหัส และเชื่อว่าไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีเหตุการณ์ที่คนๆหนึ่งจะมีความบ้าคลั่งลุกขึ้นมาฆ่าคนถึง 29 ศพ จนสุดท้ายผู้ก่อเหตุก็เสียชีวิตลงเป็นศพที่ 30 และบาดเจ็บอีก 58 คน ทั้งที่ความจริงแล้วมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพียง 3 คน นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนตัวมองว่าจากเหตุการณ์เหล่านี้ที่มากกว่าจะมาประณามกันคือ การร่วมกันคิดหาทางออก ซึ่งล่าสุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงคลี่คลายและทรงแสดงความห่วงใย โดยส่งบรรดาองคมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ให้ความอนุเคราะห์ทุกศพไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ซึ่งได้ สร้างความปลื้มปิติให้กับประชาชน อย่างน้อยที่สุดในความสูญเสียของทุกครอบครัว เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินก็ทรงพระเมตตาห่วงใย ส่วนการแสดงออกของบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีที่แสดงออกในช่วงที่คนกำลังสูญเสีย หากมีอะไรไปกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยนั้นเป็นเสมือนเส้นด้ายบางๆที่พร้อมจะระเบิดกันได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงเป็นอุทาหรณ์ให้ได้คิดว่า วันนั้นหากนายกรัฐมนตรีปรับวิธีการเเสดงออก และให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์พูดในรายละเอียด และนายกรัฐมนตรีก็พูดเหมือนผู้นำทั้งโลกเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องกล่าวสุนทรพจน์ถึงความสูญเสีย ชวนคนไทยร่วมไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้บรรยากาศของบ้านเมืองเกิดความอบอุ่นขึ้นมากกว่านี้ นายจตุพร กล่าวด้วยว่า สำหรับความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนตัวมองว่าประเทศไทยไม่มีวัฒนธรรมในเชิงความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชา เหมือนนานาประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำมากกว่าความรับผิดชอบคือการป้องกันและป้องปรามเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง หรือเหมือนไฟไหม้ฟาง ล่าสุด ตนได้ฟังผู้บัญชาการทหารบกแถลงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ต้องเข้าใจว่าทั้งหมดนั้น รากเหง้าของปัญหามาจากความเหลื่อมล้ำ ระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชากับผู้บังคับบัญชา ลุกลามมาจนกระทั่ง ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยต้องบาดเจ็บและสูญเสีย นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า การไปรื้อและแก้ไขในสังคมทหารก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า จะเรียกวัวหายล้อมคอกก็ได้ แต่ต้องล้อมคอก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดิมขึ้นอีก “เนื่องจากเรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นในกองทัพบก ผู้บัญชาการทหารบกต้องกล้าตรวจสอบ และต้องกล้าพูดว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดไม่ได้รับความยุติธรรม หรือหาความเป็นธรรมในหน่วยงานไม่ได้ ก็สามารถเข้าพบผู้บัญชาการทหารบกได้ตลอดเวลา มากกว่าการมานั่งร่ำไห้ในวันนี้ “ นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย