นายประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทภูเก็ตสแควร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต กล่าวว่า ในปี 2563 นี้ยังคงสรรสร้างสิ่งใหม่ๆ และความหลากหลายตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งการร่วมมือกับบริษัท ดูซี่ ดิจิแล็บ จำกัด นำเสนอดิจิตอลอาร์ตล้ำสมัย ด้วยการเปิดตัวโปรเจกต์ใหญ่ Doozy Digital World (ดูซี่ดิจิทัล เวิลด์) โชว์ดิจิทัลอินเตอร์แอ็กทีฟแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ที่ชั้น 3 ของศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต พร้อมเปิดบริการตัวเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 ที่ผ่านมาทางริษัทฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ภายในศูนย์การค้าฯ ด้วยการดึงร้านค้าใหม่ๆ แบรนด์ดังเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว ทั้งโซนร้านอาหาร LOVE EAT ที่ตกแต่งในรูปแบบของ Court House with a Touch of Art & Culture Style ด้วยงบการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท โดยผสมผสานความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน บนพื้นที่เกือบ 4,000 ตารางเมตร (2 ชั้น) ที่คัดสรรร้านอาหารชั้นเลิศนานาชาติ ให้ได้เลือกอิ่มอร่อย สำหรับคนรุ่นใหม่ และทุกคนในครอบครัว ซึ่งเวลานี้ได้ดำเนินการขายไปแล้วกว่า 70% และน่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนเมษายนนี้
ซึ่ง นายประวิช กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของศูนย์การค้าจังซีลอน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและ Expat ประมาณ 20% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 80% ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา กลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียยังคงเป็นกลุ่มหลัก อาทิ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว นอกจากนั้นยังมาจากประเทศ ออสเตรเลีย รัสเซีย แอฟริกาใต้และตะวันออกกลาง ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยทางศูนย์ฯ ได้เน้นการสื่อสารการตลาดแบบ ไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง เพื่อโปรโมทและประชาสัมพันธ์ตรงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ทั้งสื่อออนไลน์ และออฟไลน์ เช่น สื่อออนไลน์ แพลตฟอร์มหลัก ๆ ของจีน การโฆษณาในสื่อสนามบิน Inflight Magazine ของสายการบินต่างๆ อาทิ กลุ่มสายการบินของจีน แอร์เอเชีย การบินไทย คาเธ่ย์แปซิฟิค บางกอกแอร์เวย์ เป็นต้น
นอกจากนั้นในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ยังได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัทเอเย่นทัวร์ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ซีทัวร์ เจทีบี ที่มอบสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โรงแรมในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะโรงแรมที่หาดป่าตอง อาทิ แคมเปญ Enjoy your stay with Jungceylon และบัตรเครดิต E-Payment ต่างๆ อาทิ Alipay Exclusive Program Visa Privilege บัตรเครดิตเคทีซี (KTC) มอบประสบการณ์ช้อปสุดคุ้มแก่ผู้ที่ถือบัตร
อีกทั้งยังมีแคมเปญร่วมกับ Matrix Application สำหรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียโดยเฉพาะ และยังได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้แก่ โปรแกรม Passport Privilege 2019 และโปรแกรมเที่ยววันธรรมดา ราคาช็อคโลก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและดึงลูกค้าชาวไทยมาท่องเที่ยวและช้อปปิ้งให้มากยิ่งขึ้น สำหรับอีเว้นท์ทางการตลาด และแคมเปญโปรโมชั่นยังคงมีไม่ต่ำกว่า 80 อีเว้นท์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ทั้งนี้คาดว่าจากการเปิดตัวของ ดูซี่ดิจิทัล เวิลด์ นั้น จะประสบความสำเร็จและจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการต่างๆ ภายในศูนย์ฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ไม่ต่ำกว่า15 - 20% จากเดิมเฉลี่ยประมาณ 60,000 - 70,000 คนต่อวัน ในช่วงไฮซีซั่น และเฉลี่ยวันละ 40,000 - 50,000 คนต่อวัน ในช่วงโลว์ซีซั่น พร้อมทั้งสามารถรองรับความหลากหลายของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ตที่มีจำนวนกว่า 18 ล้านคนต่อปี และtกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตให้คึกคักมากขึ้น
โดย นางสาวรัญจิรา คงสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูซี่ ดิจิแล็บ จำกัด กล่าวต่อว่า การทำโปรเจกต์ใหญ่ อย่าง ดูซี่ดิจิทัล เวิลด์ ด้วยงบการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากทุกพื้นที่ของการจัดแสดงนั้น ต้องการเปิดประสบการณ์ Interactive Amusement ให้แก่ผู้ที่เข้าชมได้ร่วมสัมผัสกับความสนุก ตื่นเต้น ในโลกของดินแดนเหนือจินตนาการแห่งโลกดิจิทัลอาร์ตให้มากที่สุด ผ่านแนวคิดและคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จัดแสดง ด้วยการแบ่งพื้นที่ออกเป็นทั้งหมด 9 โซน ร้อยเรียงเรื่องราวในการนำเสนอดิจิทัลอาร์ตที่แตกต่างกัน และมีอินเตอร์แอ็กทีฟเฉพาะในแต่ละโซน อาทิ โซน Culture ที่นำเสนอประเพณี วัฒนธรรม และศิลปะของประเทศไทย ในรูปแบบการแสดงแสงสีดิจิทัลที่สร้างความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ของโลก ได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังมีโซน Art Fashion Adventure Games ฯลฯ
นอกจากมี ดูซี่ดิจิทัล เวิลด์ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเข้าไปตกแต่งพื้นที่แล้ว ยังมีร้านอาหาร Digital Delicious ที่พร้อมเปิดให้บริการในช่วงเวลาเดียวกัน ในรูปแบบดิจิทัลอาร์ตอินเตอร์แอ็กทีฟ ภายใต้คอนเซ็ปต์ EAT & PLAY เช่นเดียวกับที่เคยเปิดให้บริการมาแล้วในช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ โดยได้ใช้เทคนิคการนำเสนอ ในรูปแบบ 4D Mapping Multi Touch Screen Interactive Multi Media ที่ทำให้ทุกๆ วินาทีบนโต๊ะอาหารนั้นเต็มอิ่มไปด้วยภาพ แสง สี เสียง กลิ่น รส และสัมผัส เรียกว่าครบทุกอรรถรส กลายเป็นประสบการณ์สุดกลมกล่อมในรูปแบบ Interactive Dining Experiences อย่างเต็มรูปแบบ โดยร้านอาหารจะตั้งอยู่ในโซนอาหารเปิดใหม่ของศูนย์การค้าจังซีลอน คือ โซนLOVE EAT ที่จะเปิดให้บริการในช่วงเดือนเมษายน 2563 นี้เช่นกัน
ซึ่ง นายประวิช กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของศูนย์การค้าจังซีลอน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและ Expat ประมาณ 20% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 80% ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา กลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียยังคงเป็นกลุ่มหลัก อาทิ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว นอกจากนั้นยังมาจากประเทศ ออสเตรเลีย รัสเซีย แอฟริกาใต้และตะวันออกกลาง ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยทางศูนย์ฯ ได้เน้นการสื่อสารการตลาดแบบ ไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง เพื่อโปรโมทและประชาสัมพันธ์ตรงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ทั้งสื่อออนไลน์ และออฟไลน์ เช่น สื่อออนไลน์ แพลตฟอร์มหลัก ๆ ของจีน การโฆษณาในสื่อสนามบิน Inflight Magazine ของสายการบินต่างๆ อาทิ กลุ่มสายการบินของจีน แอร์เอเชีย การบินไทย คาเธ่ย์แปซิฟิค บางกอกแอร์เวย์ เป็นต้น
นอกจากนั้นในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ยังได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัทเอเย่นทัวร์ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ซีทัวร์ เจทีบี ที่มอบสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โรงแรมในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะโรงแรมที่หาดป่าตอง อาทิ แคมเปญ Enjoy your stay with Jungceylon และบัตรเครดิต E-Payment ต่างๆ อาทิ Alipay Exclusive Program Visa Privilege บัตรเครดิตเคทีซี (KTC) มอบประสบการณ์ช้อปสุดคุ้มแก่ผู้ที่ถือบัตร
อีกทั้งยังมีแคมเปญร่วมกับ Matrix Application สำหรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียโดยเฉพาะ และยังได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้แก่ โปรแกรม Passport Privilege 2019 และโปรแกรมเที่ยววันธรรมดา ราคาช็อคโลก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและดึงลูกค้าชาวไทยมาท่องเที่ยวและช้อปปิ้งให้มากยิ่งขึ้น สำหรับอีเว้นท์ทางการตลาด และแคมเปญโปรโมชั่นยังคงมีไม่ต่ำกว่า 80 อีเว้นท์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ทั้งนี้คาดว่าจากการเปิดตัวของ ดูซี่ดิจิทัล เวิลด์ นั้น จะประสบความสำเร็จและจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการต่างๆ ภายในศูนย์ฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ไม่ต่ำกว่า15 - 20% จากเดิมเฉลี่ยประมาณ 60,000 - 70,000 คนต่อวัน ในช่วงไฮซีซั่น และเฉลี่ยวันละ 40,000 - 50,000 คนต่อวัน ในช่วงโลว์ซีซั่น พร้อมทั้งสามารถรองรับความหลากหลายของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ตที่มีจำนวนกว่า 18 ล้านคนต่อปี และtกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตให้คึกคักมากขึ้น
โดย นางสาวรัญจิรา คงสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูซี่ ดิจิแล็บ จำกัด กล่าวต่อว่า การทำโปรเจกต์ใหญ่ อย่าง ดูซี่ดิจิทัล เวิลด์ ด้วยงบการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากทุกพื้นที่ของการจัดแสดงนั้น ต้องการเปิดประสบการณ์ Interactive Amusement ให้แก่ผู้ที่เข้าชมได้ร่วมสัมผัสกับความสนุก ตื่นเต้น ในโลกของดินแดนเหนือจินตนาการแห่งโลกดิจิทัลอาร์ตให้มากที่สุด ผ่านแนวคิดและคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จัดแสดง ด้วยการแบ่งพื้นที่ออกเป็นทั้งหมด 9 โซน ร้อยเรียงเรื่องราวในการนำเสนอดิจิทัลอาร์ตที่แตกต่างกัน และมีอินเตอร์แอ็กทีฟเฉพาะในแต่ละโซน อาทิ โซน Culture ที่นำเสนอประเพณี วัฒนธรรม และศิลปะของประเทศไทย ในรูปแบบการแสดงแสงสีดิจิทัลที่สร้างความแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ของโลก ได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังมีโซน Art Fashion Adventure Games ฯลฯ
นอกจากมี ดูซี่ดิจิทัล เวิลด์ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเข้าไปตกแต่งพื้นที่แล้ว ยังมีร้านอาหาร Digital Delicious ที่พร้อมเปิดให้บริการในช่วงเวลาเดียวกัน ในรูปแบบดิจิทัลอาร์ตอินเตอร์แอ็กทีฟ ภายใต้คอนเซ็ปต์ EAT & PLAY เช่นเดียวกับที่เคยเปิดให้บริการมาแล้วในช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ โดยได้ใช้เทคนิคการนำเสนอ ในรูปแบบ 4D Mapping Multi Touch Screen Interactive Multi Media ที่ทำให้ทุกๆ วินาทีบนโต๊ะอาหารนั้นเต็มอิ่มไปด้วยภาพ แสง สี เสียง กลิ่น รส และสัมผัส เรียกว่าครบทุกอรรถรส กลายเป็นประสบการณ์สุดกลมกล่อมในรูปแบบ Interactive Dining Experiences อย่างเต็มรูปแบบ โดยร้านอาหารจะตั้งอยู่ในโซนอาหารเปิดใหม่ของศูนย์การค้าจังซีลอน คือ โซนLOVE EAT ที่จะเปิดให้บริการในช่วงเดือนเมษายน 2563 นี้เช่นกัน