ในยุคการเปลี่ยนผ่าน กองทัพ ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน ทั้งโครงสร้างหน่วย จนถึงระเบียบวินัย แบบที่เรียกว่า จะต้อง เป๊ะ! เนี๊ยบ หัวจรดเท้า ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ทรงผม เครื่องแบบ เครื่องหมาย และลักษณะท่าทาง อากัปกิริยา ไม่ใช่แค่ กำลังพล แต่รวมไปถึง นายพล และ ผบ.เหล่าทัพ เลยทีเดียว โดยเฉพาะ กองทัพบก ที่เป็นเหล่าทัพหลัก และเหล่าทัพใหญ่ที่สุด แถมยังมี “บิ๊กแดง” พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (ฉก.ทม.รอ.904) ที่เนี๊ยบ เป๊ะ อยู่แล้ว ด้วยความที่ มีกฎระเบียบต่างๆใหม่ออกมา ทำให้ ผบ.หน่วยต้องมีการเน้นย้ำ กำลังพลให้อยู่ในระเบียบวินัย เนื่องจาก เป็นที่รู้กันภายในว่า ถ้ากำลังพล ในหน่วย ทำเรื่องเสื่อมเสีย เสียหาย ผบ.หน่วยระดับสูง ขึ้นไป ในแต่ละระดับ ก็จะถูกลงโทษไปด้วย พล.อ.อภิรัชต์ จึงสั่งการให้มีการตั้ง “ศูนย์ธำรงวินัย” ขึ้นในทุกกองทัพภาค ทั่วประเทศ เพื่อควบคุมระเบียบวินัย และการวางตัวของกำลังพล ทั้ง ความประพฤติ การแต่งกาย เครื่องแบบ ต้อง ให้ถูกระเบียบเป๊ะ และสง่างาม รวมถึง 6 ท่าปฏิบัติ และ 6 สิ่ง ห้ามทำสำหรับ ทหารยุคนี้ ที่เป็นระเบียบภายใน ที่ปฏิบัติจริง ที่ไม่ใช่ เฟคนิวส์ หรือข่าวปลอม เพราะแม้จะไม่ได้ออกมา เป็นตัวเอกสารคำสั่ง เพราะ ไม่ต้องการให้มีการนำเอกสารคำสั่ง ไปใช้ประโยชน์ เพราะมีพวกหวังผลทางการเมือง แต่ทว่า เป็นระเบียบภายใน และการสั่งการด้วยวาจา มาตั้งแต่ ปลายปี 2561-2562 แล้ว และ มีการเน้นย้ำ โดย ผบ.ทบ. และ ผบ.หน่วย ระดับสูง มาตลอด โดยเฉพาะในยุค พล.อ.อภิรัชต์ ที่เน้นเรื่องระเบียบวินัย ความสมาร์ท สง่างาม ของทหาร อย่างยิ่ง จึงมีการกำชับ เน้นย้ำ ผบ.หน่วย และกำลังพลอยู่เสมอ ทั้งนี้ แม้จะไม่มีออกมาเป็นคำสั่ง แต่เป็น เตือน กำชับ ด้วยวาจามาตลอด ทั้ง การห้ามไม่ให้ ทหารที่แต่งเครื่องแบบ ยืน กุมมือ กอดอก ล้วงกระเป๋า เท้าสะเอว ไขว้หลัง ไขว่ห้าง รวมทั้ง ห้ามติดเครื่องหมาย แสดงความสามารถ แบบกิตติมศักดิ์ และ ห้ามซื้อมาติดเอง แต่ต้องสำเร็จตามหลักสูตร จริงเท่านั้น และงดใส่แหวน สายสิญจน์ หรือสร้อยข้อมือ ส่วน นาฬิกา ที่สวมใส่ ต้องไม่มีสีฉูดฉาด ห้ามใส่เพื่อแสดงถึงฐานะ และ ห้ามสวมสร้อยคอสั้นขึ้นมา จนให้เห็นอยู่บนเสื้อ และต้องไม่ใส่เพื่อแสดงถึงฐานะ รวมทั้ง การใช้ โซเชียล มีเดีย และหากตกเป็นข่าวเสียหาย แม้แต่ พฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม และตกเป็นข่าว ส่งผลให้ ทหาร รวมทั้งครอบครัว ต้องระมัดระวัง เรื่องการใช้โซเชี่ยลฯ ในทุกรูปแบบ โดยมีการเน้นย้ำ แจ้งเตือนไปยัง นายทหาร ผบ.หน่วย ระดับผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับกองร้อย เพื่อให้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะหากมีการทำผิด ระเบียบวินัย จะเข้าสู่ “ศูนย์ธำรงวินัย” เพื่อรับ การลงโทษ ทหารผิดวินัย ตามระเบียบ โดยมีกฎการลงทัณฑ์ 5 สถาน ตามฐานความผิด “พระราชบัญญติวินัยทหาร” เริ่มจาก เบาไปหาหนัก 1.ภาคทัณฑ์ หรือ ทำทัณฑ์บน 2. ทัณฑกรรม ด้วยการ ให้ทำงานสุขา การโยธา อยู่เวรยาม 3. กักตัวให้อยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนี่ง 4. กักขัง ถูกขังในที่ควบคุม 5. จำขัง เข้าเรือนจำทหาร ซึ่งถือว่าเป็นโทษรุนแรงที่สุด ไม่แค่นั้น ยังมี กฏห้าม 9 ประการ คือ 1. ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน 2.ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย 3.ไม่รักษามารยาทตามแบบธรรมเนียมของทหาร 4.สร้างความแตกสามัคคีในหมู่คณะทหาร 5. เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ 6.กล่าวคำเท็จ 7.ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร 8.ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ 9. เสพเครื่องดองของเมา จนถึงเสียกิริยา ขณะถูกลงโทษ จะมีชุดสนาม และหมวกแดง เป็นไปตามแบบแผนของ “ทหารคอแดง” ฉก.ทม.รอ.904 และ ทม.รอ. ในส่วนของกองทัพภาค1 มีศูนย์ธำรงวินัย ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) ส่วน กองทัพภาคที่ 2 ตั้งที่ มณฑลทหารบกที่ 21 ทั้งนี้การ "ธำรงวินัย" ทำได้ทั้งการฝึกทางทหาร การฝึกความเข้มแข็งของร่างกาย การเดินเวร ไม่ว่าจะเป็น นายสิบ จ่า นายพล ดังนั้น การเป็นทหาร ในยุคนี้ ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าตอนสวมเครื่องแบบทหาร หรือนอกเครื่องแบบ ก็ตาม เพราะทหารยุคนี้ต้องเป๊ะอย่างที่สุด !