สหรัฐอเมริกา ยิงฉโดยคำสั่งนี้เป็นคำสั่งแรกในการออกคำสั่งทางการทหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรีย ใช้อาวุธเคมีกับประชาชน เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2560 เว็บไซต์ cnbc.com รายงานว่า กองกำลังทหารของสหรัฐอเมริกา ได้ยิงจรวดมิสไซล์กว่า 59 ลูกใส่ประเทศซีเรีย โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ลานบินในเมือง Homs ทั้งนี้ จรวดได้พุ่งไปตกใส่เครื่องบินรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เช่น รันเวย์ ซึ่งทางการสหรัฐฯ ได้พุ่งเป้าไปที่การทำลายทรัพย์สิน ไม่ใช่ชีวิต และตอนนี้ยังไม่มีรายงานของผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้บอกกับสถานีเอ็นบีซี ว่า ทางการสหรัฐฯ ได้เตือนรัสเซียก่อนที่จะมีการโจมตีดังกล่าว และการยิงมิสไซล์ครั้งนี้ไม่มีการพุ่งเป้าไปยังทรัพย์สินของรัสเซีย ด้านทหารที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ได้ออกมาบอกว่า พวกเขายินดีที่มีการโจมตีครั้งนี้ "กลุ่มติดอาวุธที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลซีเรีย ยินดีที่ทางการสหรัฐฯ ได้เข้ามาแทรกแซงผ่านการโจมตีที่เฉียบคม ซึ่งการโจมตีในครั้งนี้ จะช่วยลดอำนาจของนายอัสซาด ในการที่เขาจะฆ่าผู้คน และช่วยคลายความทุกข์ของคนในประเทศ" ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า การโจมตียิงมิสไซล์ของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะตอบโต้รัฐบาลซีเรียที่ใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คน รายงานระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นายบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชน จนมีผู้คนที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ว่า "มันต้องมีคนทำอะไรสักอย่าง" "ผมคิดว่าสิ่งที่นายอัสซาดทำนั้น เป็นสิ่งที่แย่มาก ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียนั้นคือหนึ่งในอาชญากรรมที่ชั่วช้าที่สุด มันไม่ควรที่จะเกิดขึ้น และไม่ควรที่จะมีใครปล่อยให้มันเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียถือเป็นความเสื่อมถอยแห่งมวลมนุษยชาติ อัสซาดอยู่ที่นั่น และคอยควบคุมบัญชาการอยู่ ดังนั้นควรจะมีใครลงมือทำอะไรสักอย่าง" นี่เป็นครั้งแรกที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งในการใช้กำลังทางการทหาร โดยก่อนหน้านี้ ปฏิบัติการอื่น ๆ ในซีเรีย เยเมน และอิรัก ล้วนแล้วแต่เป็นคำสั่งของผู้บัญชาการทหาร และการโจมตีในครั้งนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณไปที่เกาหลีเหนือ อิหร่าน รวมถึงศัตรูคนอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมที่จะลงมือปฏิบัติการเสมอ และบางครั้งก็เป็นการปฏิบัติการโดยที่ไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะเดียวกันมีปฏิกริยาไม่พอใจจากทางรัสเซีย โดยระบุว่าอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทหารกับสหรัฐด้วย พร้อมจะส่งหนังสือประท้วงต่อยูเอ็นด้วย ภาพจาก JIM WATSON / AFP, Twitter @worldnews_atv34