“มูฟ เอเชีย” เปิดโรดแมพ “Move Asia 2020” ก้าวสู่ผู้นำด้านอีเว้นต์กีฬา Mass Participation ยกระดับท้องถิ่นเทียบชั้นเวิลด์คลาส แผนเตรียมจัดใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศตอกย้ำความเป็นโปรเฟชชั่นนอล มั่นใจสิ้นปีดันรายได้แตะ 200 ล้านบาท
นายบุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูฟ เอเชีย จำกัด ผู้จัดอีเว้นต์กีฬามวลชน (mass participation) อาทิ งาน AXA presented KOP RUN , Bangkok Midnight Marathon 2019 ฯลฯ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของมูฟ เอเชีย ในปี 2020 พร้อมเดินหน้าจัดอีเว้นต์กีฬามวลชน ( mass participation) อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและนานาชาติ ภายใต้แนวคิด การร่วมมือกับพันธมิตรเครือข่ายระดับโลก Global Networks Collaboration เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และสร้างมาตรฐานงานกีฬา mass participation ระดับท้องถิ่นสู่ระดับโลก ด้วยการเปิดตลาดดึงนักกีฬาเชิงท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อเพิ่มมูลค่ารายได้ทางเศรษฐกิจให้ประเทศและท้องถิ่น
โดยรูปแบบการจัดงานจะมีทั้งการวิ่งที่ได้รับการจดลิขสิทธิ์ในระดับโลก (License Global) และการวิ่งที่บริษัทจดลิขสิทธิ์ขึ้นเอง ได้แก่ 1. AXA presented KOP RUN ซึ่งเป็นพันธมิตรรายแรกที่ร่วมกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล โดยเซ็นสัญญาความร่วมมือในการจัดกิจกรรมวิ่ง AXA presented KOP RUN ทั่วเอเชีย ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้นที่กรุงเทพ จาการ์ตา และเซี่ยงไฮ้ 2. การจับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ R Bie - ออกาไนเซอร์ และ service provider งานวิ่งมาราธอนยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นที่บริหารงานกว่า 1,500 รายการ และฐานข้อมูลนักวิ่งในญี่ปุ่นกว่า 5 ล้านคน
3. การจับมือกับสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์กรีฑาแห่งเอเชียสมาพันธ์กรีฑาเอเชียดึงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพในการจัด Asian Half Marathon Championships ที่มีภาคี 50 ประเทศทั่วเอเชียเข้าร่วม ณ จังหวัดเชียงราย 4. การดึงลิขสิทธิ์Spartan Race งานวิ่งเทรล อันดับ 1 ของโลก ที่มีฐานข้อมูลนักกีฬากว่า 500,000 คนทั่วโลก เข้ามาจัดเป็น Thailand Series ระยะเวลา 3 ปี 2020-2021 และ 5. การสร้างงานวิ่งมาราธอนหญิงครั้งแรกในเมืองไทยกับงาน Women Half Marathon Championships 2021 ในเมืองไทย โดยนำโนฮาวจากการวิ่งมาราธอนหญิง อันดับ 1 ของโลก Nagoya Women Marathon ที่จะแลกเปลี่ยนและให้ความร่วมมือทางด้านการตลาด และระบบต่างๆ เป็นต้น
“มูฟ เอเชียประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการจัดงานกีฬา mass participation ด้วยประสบการณ์การจัดงานมาตลอด 3ปีเศษ ทำให้วันนี้มูฟ เอเชียเป็นผู้นำด้านการจัดงานวิ่งที่มีการจดลิขสิทธิ์บัตร (Intellectual Property : IP) อย่างถูกต้องและได้รับการยอมรับในระดับโลก เห็นได้จากพันธมิตรที่ให้การตอบรับเข้าร่วมจัดงานในแต่ละครั้ง ซึ่งในปีนี้ก็เช่นกัน”
นายบุญเพิ่ม กล่าวอีกว่า สำหรับงานวิ่งที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี คืองาน Bangkok Midnight Marathon 2019 ซึ่งในปีที่ผ่านมามีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 16,000 คน และเป็นที่กล่าวถึงในแวดวงนักวิ่งระดับโลก ซึ่งในปีนี้ก็เช่นกันคาดว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมากทั้งที่เป็นนักวิ่งชาวไทยและต่างชาติ นอกจากนี้มูฟ เอเชีย ยังประสบความสำเร็จในการจัดงานวิ่งในเมืองต่างๆ เช่น งาน ภูเก็ตธอน 2019 พรีเซ็นเต็ด บาย ยูเมะพลัส (PHUKET-HON 2019) มีนักวิ่งเข้าร่วมงานกว่า 13,000 คน และวันนี้กลายเป็นเดสติเนชั่นของนักวิ่งทั่วโลกที่ต้องมาร่วม , งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนนานาชาติ รายการ ยูเมะพลัส เชียงราย 2019 21.1 งานวิ่งที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติ และวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 6,000 คน นอกจากนี้ยังมีงาน “ลำพูนฮาล์ฟมาราธอน 2019” ที่เพิ่งผ่านพ้นไปและได้รับการตอบรับมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,000 คน เป็นต้น
“วันนี้การจัดงานวิ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้าน เมืองหรือชุมชนต้องได้รับประโยชน์ ไม่ใช่เอกชนได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ดังนั้นการจัดงานในแต่ละครั้งจึงต้อง win-win โดยต้องมองถึงประโยชน์ที่เมืองหรือชุมชนนั้นจะได้รับ และเป็นการปูรากฐานให้เมืองนั้นๆ แข็งแรง เข้าใจและเติบโตได้อย่างยั่งยืน เมื่อเกิดการจัดงานมีนักวิ่ง นักท่องเที่ยวเข้ามาเกิดการใช้จ่ายเงินจากค่าที่พักอาศัย ร้านอาหาร ร้านของฝากของที่ระลึก ฯลฯ ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่ม มีเงินหมุนเวียน และยังเป็นการสร้างเมืองให้เป็นที่รู้จัก ทำให้เกิดการท่องเที่ยวต่อในภายหลังจากที่งานผ่านไปแล้ว”
อย่างไรก็ดี หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดงานวิ่งตามเมืองต่างๆ ในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าจัดงานในเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงราย ลำพูนแล้ว ยังมีแผนขยายไปจัดงานวิ่งในเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ สงขลา อุบลราชธานี ด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ 180-200 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ราว 120-130 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เพราะกระแสความนิยมในกีฬาวิ่งยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะการวิ่งมาราธอนระยะสั้น , วิ่งเทรล เป็นต้น
โดยรูปแบบการจัดงานจะมีทั้งการวิ่งที่ได้รับการจดลิขสิทธิ์ในระดับโลก (License Global) และการวิ่งที่บริษัทจดลิขสิทธิ์ขึ้นเอง ได้แก่ 1. AXA presented KOP RUN ซึ่งเป็นพันธมิตรรายแรกที่ร่วมกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล โดยเซ็นสัญญาความร่วมมือในการจัดกิจกรรมวิ่ง AXA presented KOP RUN ทั่วเอเชีย ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้นที่กรุงเทพ จาการ์ตา และเซี่ยงไฮ้ 2. การจับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ R Bie - ออกาไนเซอร์ และ service provider งานวิ่งมาราธอนยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นที่บริหารงานกว่า 1,500 รายการ และฐานข้อมูลนักวิ่งในญี่ปุ่นกว่า 5 ล้านคน
3. การจับมือกับสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์กรีฑาแห่งเอเชียสมาพันธ์กรีฑาเอเชียดึงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพในการจัด Asian Half Marathon Championships ที่มีภาคี 50 ประเทศทั่วเอเชียเข้าร่วม ณ จังหวัดเชียงราย 4. การดึงลิขสิทธิ์Spartan Race งานวิ่งเทรล อันดับ 1 ของโลก ที่มีฐานข้อมูลนักกีฬากว่า 500,000 คนทั่วโลก เข้ามาจัดเป็น Thailand Series ระยะเวลา 3 ปี 2020-2021 และ 5. การสร้างงานวิ่งมาราธอนหญิงครั้งแรกในเมืองไทยกับงาน Women Half Marathon Championships 2021 ในเมืองไทย โดยนำโนฮาวจากการวิ่งมาราธอนหญิง อันดับ 1 ของโลก Nagoya Women Marathon ที่จะแลกเปลี่ยนและให้ความร่วมมือทางด้านการตลาด และระบบต่างๆ เป็นต้น
“มูฟ เอเชียประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการจัดงานกีฬา mass participation ด้วยประสบการณ์การจัดงานมาตลอด 3ปีเศษ ทำให้วันนี้มูฟ เอเชียเป็นผู้นำด้านการจัดงานวิ่งที่มีการจดลิขสิทธิ์บัตร (Intellectual Property : IP) อย่างถูกต้องและได้รับการยอมรับในระดับโลก เห็นได้จากพันธมิตรที่ให้การตอบรับเข้าร่วมจัดงานในแต่ละครั้ง ซึ่งในปีนี้ก็เช่นกัน”
นายบุญเพิ่ม กล่าวอีกว่า สำหรับงานวิ่งที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี คืองาน Bangkok Midnight Marathon 2019 ซึ่งในปีที่ผ่านมามีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 16,000 คน และเป็นที่กล่าวถึงในแวดวงนักวิ่งระดับโลก ซึ่งในปีนี้ก็เช่นกันคาดว่าจะมีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมากทั้งที่เป็นนักวิ่งชาวไทยและต่างชาติ นอกจากนี้มูฟ เอเชีย ยังประสบความสำเร็จในการจัดงานวิ่งในเมืองต่างๆ เช่น งาน ภูเก็ตธอน 2019 พรีเซ็นเต็ด บาย ยูเมะพลัส (PHUKET-HON 2019) มีนักวิ่งเข้าร่วมงานกว่า 13,000 คน และวันนี้กลายเป็นเดสติเนชั่นของนักวิ่งทั่วโลกที่ต้องมาร่วม , งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนนานาชาติ รายการ ยูเมะพลัส เชียงราย 2019 21.1 งานวิ่งที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติ และวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 6,000 คน นอกจากนี้ยังมีงาน “ลำพูนฮาล์ฟมาราธอน 2019” ที่เพิ่งผ่านพ้นไปและได้รับการตอบรับมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 7,000 คน เป็นต้น
“วันนี้การจัดงานวิ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้าน เมืองหรือชุมชนต้องได้รับประโยชน์ ไม่ใช่เอกชนได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ดังนั้นการจัดงานในแต่ละครั้งจึงต้อง win-win โดยต้องมองถึงประโยชน์ที่เมืองหรือชุมชนนั้นจะได้รับ และเป็นการปูรากฐานให้เมืองนั้นๆ แข็งแรง เข้าใจและเติบโตได้อย่างยั่งยืน เมื่อเกิดการจัดงานมีนักวิ่ง นักท่องเที่ยวเข้ามาเกิดการใช้จ่ายเงินจากค่าที่พักอาศัย ร้านอาหาร ร้านของฝากของที่ระลึก ฯลฯ ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่ม มีเงินหมุนเวียน และยังเป็นการสร้างเมืองให้เป็นที่รู้จัก ทำให้เกิดการท่องเที่ยวต่อในภายหลังจากที่งานผ่านไปแล้ว”
อย่างไรก็ดี หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดงานวิ่งตามเมืองต่างๆ ในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าจัดงานในเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงราย ลำพูนแล้ว ยังมีแผนขยายไปจัดงานวิ่งในเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ สงขลา อุบลราชธานี ด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ 180-200 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ราว 120-130 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เพราะกระแสความนิยมในกีฬาวิ่งยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะการวิ่งมาราธอนระยะสั้น , วิ่งเทรล เป็นต้น