แม้จะไม่คุ้นหูเหมือน “อ่าวเปอร์เชีย” แต่อ่าวแห่งนี้ก็ได้ชื่อว่า “เขตเดินเรือมรณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก (World's lagest marine dead zone)” อย่างแทบไม่น่าเชื่อ สำหรับ “อ่าวโอมาน” อ่าวน่านน้ำทางทะเลในภูมิภาคตะวันออกกลาง คาบเกี่ยวกับบางส่วนของภูมิภาคเอเชียใต้ บนโลกเรา พื้นที่ประเทศที่อยู่รายรอบของอ่าวโอมาน ก็ประกอบด้วย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โอมาน และปากีสถาน โดยปากีสถาน ประเทศหลังสุดนี้ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคเอเชียใต้ ส่วน 3 ประเทศข้างต้น อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ความสำคัญของอ่าวข้างต้น ก็เป็นน่านน้ำ กึ่งกลางที่บรรดาประเทศตอนในที่อยู่รายรอบอ่าว ใช้เป็นช่องทางออกสู่ “ทะเลอาหรับ” หรือ “ทะเลอาระเบียน” ที่จะนำไปสู่ “มหาสมุทรอินเดีย” อันกว้างใหญ่และไปยังแดนดินถิ่นอื่นๆ ต่อไป ส่วนประเทศที่อยู่ภายนอก ไม่ว่าใกล้ ไกล โพ้นทะเล ก็ใช้อ่าวโอมาน เป็นช่องทางสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยจากอ่าวโอมาน เข้า “ช่องแคบฮอร์มุซ” นำไปสู่ “อ่าวเปอร์เชีย” ก่อนเทียบท่านานาประเทศตะวันออกกลางที่อยู่รายรอบ เมื่อเป็นตัวกลางช่องทางผ่านเข้า-ออกเช่นนี้ อ่าวโอมานก็คราคร่ำไปด้วยบรรดาเรือชนิดต่างๆ ประดามี ทั้งเรือสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออก เรือลำเลียงขนส่งน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าออกที่สำคัญจากภูมิภาคตะวันออกกลาง ตลอดจนเรือรบจากกองกำลังทั้งในและนอกภูมิภาค ไม่เว้นกระทั่งเรือโจรสลัด ก็คอยดักปล้นเรือสินค้าและเรือลำเลียงน้ำมันทั้งหลายตามแต่จะสบจังหวะโอกาสเป็นใจ ด้วยเหตุที่ทั้งโจรสลัดก่อกวน และการทำสงครามปราบปรามโจรสลัดโดยกองทัพชาติต่างๆ พ่วงด้วยกับความรุนแรงอันเกิดจากสถานการณ์สู้รบจากกองกำลังติดอาวุธฟากฝ่ายต่างๆ ในตะวันออกกลาง รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ จนนำไปสู่การใช้กำลังความรุนแรง รวมถึงปฏิบัติการโจมตีระหว่างกัน และสินทรัพย์ ที่ไม่เว้นกระทั่งเรือสินค้า เรือลำเลียงน้ำมันของชาติตรงข้ามคู่ปรปักษ์ให้บังเกิดความเสียหายก็ทำให้อ่าวโอมาน ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน “เขตเดินเรือมรณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก” โดยปริยาย ยกตัวอย่างฉากความรุนแรงที่ปรากฏจนสะท้านขวัญโลก ก็เช่นเหตุการณ์ที่เรือบรรทุกน้ำมันของหลายชาติถูกโจมตีโดยอาวุธจากกองกำลังปริศนาบนลำน้ำของอ่าวโอมาน เมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งบรรดาประเทศมหาอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา ก็ตีตรากล่าวหาว่า เป็นฝีมือของอิหร่าน หรือกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนโดยทางการอิหร่าน แต่รัฐบาลเตหะรานออกมาปฏิเสธ ดูเหมือนว่าฉากเหตุการณ์ความรุนแรง แทนที่จะทำให้นานาชาติบังเกิดความสะพรึง ทว่า กลับทำให้หลายประเทศพยายามตบเท้าด้านกำลังทหารเข้ามายังอ่าวน่านน้ำแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ที่ส่งกำลังเรือบรรทุกเครื่องบิน พร้อมเรือรบชนิดต่างๆ มายังอ่าวแห่งนี้เป็นทุนเดิม รวมถึงอินเดีย อีกหนึ่งมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชียใต้ ก็ส่งกองเรือรบมาลาดตระเวนยังน่านน้ำอ่าวโอมานด้วย เช่นเดียวกับ จีนและรัสเซีย ก็ข้ามฟากจากฝั่งทะเลโพ้นเข้ามาขยายอิทธิพลในอ่าวแห่งนี้ด้วย ถึงขนาดที่จัดอีเวนต์ การซ้อมรบทางนาวี ร่วมกับอิหร่าน ชาติเจ้าถิ่น และทรงอิทธิพลชาติหนึ่งในประเทศรอบอ่าว โดยการซ้อมรบทางนาวีข้างต้น มีขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ทั้งนี้ การซ้อมรบดังกล่าว ถูกระบุว่า เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่รัสเซีย จีนแผ่นดินใหญ่ และอิหร่าน มีปฏิบัติการซ้อมรบทางทะเลในลักษณะเช่นนี้ พร้อมกับมีชื่อเรียกกลุ่มนี้ “กลุ่มสามเหลี่ยมแห่งอำนาจ” ในทะเลน่านน้ำของอ่าวโอมาน โดยมีรายงานว่า ทั้งจีนและรัสเซีย หมายมั่นปั้นมือในการซ้อมรบทางทะเลครั้งนี้มาก ด้วยหมุดหมายที่จะขยายอิทธิพลเข้ามายังน่านน้ำแห่งนี้ ใช่แต่เท่านั้น ยังมีรายงานว่า จีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากส่งเรือรบ ระดับเรือพิฆาตที่ระบบขีปนาวุธนำวิถีอันทันสมัย มาร่วมประลองยุทธ์แล้ว ก็ยังได้ระดมเม็ดเงินทุนมาโปรยหว่านให้แก่บรรดาประเทศรอบอ่าวโอมาน จนเป็นที่ปลาบปลื้มกันอีกต่างหากด้วย ล่าสุด ก็เป็นรายของ “ญี่ปุ่น” ที่มีปฏิบัติการที่ต้องบอกว่า ล้มล้างต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยการทหารของพวกเขาเลยทีเดียว ในการส่งทหารไปยังต่างแดน แบบขีดค่าคำว่า “กองกำลังป้องกันตนเอง” ไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อทางการโตเกียว ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ส่งเรือรบ ระดับ “เรือพิฆาต” พร้อมกำลังพลอีกจำนวนนับร้อยนายมายังอ่าวโอมาน เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยรัฐบาลโตเกียว ได้ส่งเรือพิฆาต “เจเอส ทาคานามิ” แล่นออกจากฐานทัพเรือโยโกซูกะ ใกล้กับกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศ ท่ามกลางสักขีพยานทั้งจากครอบครัวของทหารเรือประจำการบนเรือ และตัวแทนจากสหรัฐฯ ยุโรป และตะวันออกกลาง รวมแล้วราว 500 คน ซึ่งเรือรบดังกล่าว นอกจากเป็นเรือพิฆาตแล้ว ก็ยังสามารถบรรทุกทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ สำหรับปฏิบัติการทางทหาร เช่น การคุ้มกัน การสนับสนุนการลาดตระเวน เป็นอาทิ ซึ่งแม้ว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะบอกว่า เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเส้นทางเดินเรือ เช่น การเดินเรือลำเลียงน้ำมันในอ่าวโอมาน แต่บรรดานักวิเคราะห์บอกว่า ญี่ปุ่นก็จะเป็นผู้เล่นบนกระดานหมากความเป็นมหาอำนาจในน่านน้ำแห่งนั้นอีกชาติหนึ่ง