กรมส่งเสริมสหกรณ์ เดินหน้าฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด หลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ตั้งกองทุนรวมเพื่อรักษาเสถียรภาพของสหกรณ์ พร้อมหารือกระทรวงการคลังประสานธนาคารของรัฐ ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่สหกรณ์เจ้าหนี้ นำไปลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย วันนี้ (6 เม.ย.60) นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายพิเชษฐ วิริยะพาหะ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะผู้บริหารกรมฯ ร่วมประชุมแนวทางการจัดตั้งบัญชีร่วมเพื่อรักษาเสถียรภาพของสหกรณ์ ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารฝึกอบรมส่วนกลาง สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ ถนนพิชัย กรุงเทพฯ ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดแนวทางปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งมีนายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้ศึกษาแนวทางในการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ และได้หารือร่วมกับคณะกรรมการเจ้าหนี้ ผู้บริหารแผน และผู้แทนธนาคารออมสินและธ.ก.ส. เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เห็นชอบในการจัดหาแหล่งเงินทุน โดยขอให้ธนาคารของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส.และธนาคารกรุงไทย ปล่อยเงินกู้แก่สหกรณ์เจ้าหนี้และสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ กู้ยืมไปลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) และจัดตั้งบัญชีร่วมเพื่อรักษาเสถียรภาพของสหกรณ์ เพื่อนำส่วนต่างของดอกเบี้ยสมทบเข้าบัญชีร่วมเพื่อรักษาเสถียรภาพของสหกรณ์ โดยหลักการดังกล่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการคลังได้เห็นชอบร่วมกันแล้ว “ภายหลังจากการประชุมในครั้งนี้ ตัวแทนสหกรณ์เจ้าหนี้จะนำข้อสรุปดังกล่าวไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการของแต่ละสหกรณ์เพื่อพิจารณาว่าจะเข้าร่วมโครงการนี้หรือไม่ โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ หากสหกรณ์ใดมีความประสงค์จะเข้าร่วมให้แจ้งวงเงินที่จะขอกู้จากธนาคารของรัฐกลับมายังกรมส่งเสริมสหกรณ์ ภายในวันที่ 28 เมษายน นี้ เพื่อทางกรมฯจะได้รวบรวมข้อมูลนำไปหารือกับกระทรวงการคลังหาแหล่งเงินกู้ ซึ่งเมื่อได้ข้อยุติจากกระทรวงการคลังแล้วจะนำกลับมาแจ้งกับสหกรณ์เจ้าหนี้ และจัดรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการบริหารบัญชีร่วมฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารบัญชีร่วมเพื่อรักษาเสถียรภาพของสหกรณ์ พร้อมจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานร่วมกันระหว่างสหกรณ์เจ้าหนี้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว ดร.วิณะโรจน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ธนาคารของรัฐจะพิจารณาปล่อยเงินกู้ตามความสามารถของแต่ละสหกรณ์ ซึ่งกรมฯ คาดหวังว่าจะมีสหกรณ์สมัครใจเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 40 แห่ง วงเงินกู้ 25,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ได้ส่วนต่างสมทบเข้ามายังบัญชีร่วมเพื่อรักษาเสถียรภาพของสหกรณ์ในปีแรกจำนวน 550 ล้านบาท โดยจะแยกเป็นสองส่วนคือสำหรับแก้ไขปัญหาของสหกรณ์ทั่วไป 100 ล้านบาท และการฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จำนวน 450 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการจัดตั้งบัญชีร่วมเพื่อรักษาเสถียรภาพของสหกรณ์จะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้