ท่ามกลางสถานการณ์ที่แหลมคมทางการเมือง เมื่อส.ส.พรรคภูมิใจไทยต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ในปัญหาเสียบบัตรแทนกัน “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ในบทบาทพรรคภูมิใจไทย ที่โยนให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปจัดการเรื่องในพรรคของตัวเอง โดยยกเรื่องมารยาทในการอยู่ร่วมกัน “ผมคงไม่ต้องไปพูดคุย เพราะพรรคต้นสังกัดและคนเป็นหัวหน้าพรรคต้องไปจัดการกับเรื่องราวภายในพรรคตัวเอง เพราะมารยาทในการอยู่ร่วมกันมีอยู่แล้ว และทำงานร่วมกันต้องพยายามขัดแย้งให้น้อยที่สุด ทำความเข้าใจให้มากที่สุด ถ้าคนในสังกัดมีกิริยาไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ทำให้ความร่วมมือในการทำงานร่วมกันมีอุปสรรค ต้นสังกัดก็ต้องไปจัดการ เหมือนที่ผมจัดการกับคนในพรรคของผม”หมอหนูระบุ กระนั้น ในภาวะที่ต้องบริหารจัดการปัญหาการเมืองภายในพรรคตนเอง และพรรคร่วมรัฐบาล ในส่วนของ “หมอหนู” ในบทบาทของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เองก็ต้องรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 จากประเทศจีนโดย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 29 มกราคม 2563 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารวม 14 คน หายดีกลับบ้านแล้ว 5 คน อยู่ในโรงพยาบาล 9 คน และยังไม่พบการแพร่กระจายเชื้อในไทย โดยเมื่อวันที่ 28 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาโดยมี “อนุทิน”นั่งเป็นประธาน สปอตไลต์ทางการเมืองจึงฉายจับมาที่ “หมอหนู” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เขาต้องเผชิญกับแรงเสียดทานต่างๆ โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายการเมือง และกระแสวิจารณ์จากสังคม โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่พยายามกระตุก ให้หวนคิดถึงผลงานของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ในการรับมือกับโรคซาร์สและโรคไข้หวัดนก ขึ้นมาเปรียบเทียบ “เราไม่เคยประมาท เราเป็นชาติแรกที่เริ่มตรวจสอบ และประกาศความจริงให้โลกรับรู้ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสนิวโคโรนานอกประเทศจีนจนนำมาสู่การตื่นตัวขององค์การอนามัยของโลก และทำให้ทุกๆ ชาติตื่นตัว เพราะมาตรฐานของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เราดูแลผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อทุกคนที่พบด้วยมาตรฐานสูงสุดจนกระทั่งหายเป็นปกติแล้วส่งกลับประเทศจีน”หมอหนูระบุ และกล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขเชื่อว่าการเปิดเผยข้อเท็จจะหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค และการทำงานจริงจังด้วยมาตรฐานการแพทย์สูงสุดจะรักษาชีวิตประชาชนได้ ซึ่งกระทรวงฯ ได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีให้ติดตาม ป้องกัน และควบคุมการระบาดมาตั้งแต่ 3 สัปดาห์ที่แล้ว และเราทำงานกันเต็มที่ 24 ชั่วโมงทุกวัน พร้อมทั้งเตือนผู้ไม่หวังดีที่ปล่อยข่าวปลอมทางสื่อสังคมออนไลน์ให้ยุติการกระทำดังกล่าว ขณะที่ปัญหาใหญ่ที่ “หมอหนู”ต้องรับมือก็คือ ข่าวปลอม ที่สร้างความตื่นตระหนกและดิสเครดิตการปฏิบัติงานของผู้เกี่ยวข้อง โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าวปลอมแล้ว 7 คน และขอประชาชนรับข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินฯเป็นหลัก ดูเหมือนโรคระบาดที่ว่าร้ายแรง ยังไม่ร้ายเท่ากับการเมืองและไวรัสข่าวปลอม ที่“หมอหนู” ต้องเผชิญในสมรภูมิไวรัสโคโรนา