“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังคงแรงฤทธิ์ ไล่ล่าแชมป์ลีกที่รอคอยมากว่า 30 ปีอย่างบ้าคลั่ง ในฐานะแชมป์ยุโรป แชมป์ซูเปอร์คัพ และแชมป์โลก บนเส้นทางที่พร้อมจะทุบสถิติเดิม หลังบุกเอาชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา “เยอร์เกน คล็อปป์” ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ระบุ “แฮปปี้กับการที่ทีมคว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ พวกเขาสามารถร้องเพลงอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ (เสียงเชียร์จากแฟนบอลหลังจบเกม) ผมกล้ารับปากเลยว่าเรายังไม่รู้สึกว่าเราได้แชมป์เลย ผมแค่มีความสุขกับ 3 คะแนนเท่านั้น เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่านี้ เราน่าจะผ่านบอลและตั้งรับได้ดีกว่านี้ ลูกทีมของผมเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งฤดูกาล คืนนี้เป็นฟอร์มการเล่นที่ปกติ การทำให้คู่แข่งต้องตั้งรับลึกทำให้ผมพอใจ” คล็อปป์ กล่าว โดย19 คะแนน คือช่องว่างระหว่าง 2 ทีมหัวตารางอย่าง “ลิเวอร์พูล” และ “แมนเชสเตอร์ ซิตี”รองจ่าฝูงหลังจากทีมของ “เยอร์เกน คล็อปป์” บุกมาเก็บชัยชนะได้ในเกมวันนี้ ซึ่งหากมองดูแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย หลาย ๆ คนคงฟันธงไปแล้วว่า “แชมป์ลีก” ในปีนี้คงไม่มีทางหลุดมือเหล่า พลพรรค “เรดแมชชีน” ไปไหนได้อย่างแน่นอน และหากสังเกตุกันดีๆ จะเห็นว่า “ลิเวอร์พูล”ชุดนี้ของ ยอดกุนซือ “เยอร์เกน คล็อปป์” ได้สร้างสถิติขึ้นใหม่ที่ไม่เคยทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์สโมสร โดยชนะได้ครบทุกทีมในลีกสูงสุดภายในฤดูกาลเดียว ซึ่งพวกเขาเคยทำมันได้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว แต่การเก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งร่วมลีกได้ครบทุกทีมในฤดูกาล 1895/96 คราวนั้นเป็นลีกระดับดิวิชั่นสองเดิม ซึ่งสถิติล่าสุด ลงเตะ 24 ชนะ 23 เสมอ 1 ทำคะแนนหล่นหายไปเพียง 2 คะแนนจาก 72 แต้มเต็ม ซึ่งเป็นการลงเตะชนะเกมเหย้าร้อยเปอร์เซนต์ในฤดูกาลนี้ (12 จาก 12) ชนะเกมเยือน 91.67 เปอร์เซ็นต์ในฤดูกาลนี้ (11 จาก 12) ไม่แพ้ใครมาแล้ว 41 นัดติดต่อกัน อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่ “เดอะ เรดส์” จะทำลายสถิติของ “เรือใบสีฟ้า” ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกของพรีเมียร์ลีกที่เก็บได้ถึง 100 คะแนน เมื่อฤดูกาล 2017/18 ขณะเดียวกันเริ่มมีการพูดถึงโอกาสที่ “ลิเวอร์พูล” จะคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี กระนั้นในเรื่องการทำลายสถิติอาจจะเป็นประเด็นรอง เพราะเป้าหมายสำคัญของทีม “หงส์แดง” ก็คือคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ให้ได้เท่านั้น โดยมี 14 นัดที่เหลือ คือ เซาธ์แฮมป์ตัน, นอริช, เวสต์แฮม, วัตฟอร์ด, บอร์นมัธ, เอฟเวอร์ตัน, คริสตัล พาเลซ, แมนฯ ซิตี, แอสตัน วิลลา, ไบรท์ตัน, เบิร์นลี่ย์, อาร์เซนอล, เชลซี และปิดท้ายฤดูกาลกับนิวคาสเซิล อาจจะฟังดูชวนอิจฉา ปนน่าหมั่นไส้ในสายตาแฟนบอลทีมอื่น แต่ถ้าแข้ง “หงส์แดง” ระเบิดฟอร์มได้ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่เกรียงไกรไฉไลเยี่ยงนี้ ก็คงต้องยอมศิโรราบให้พวกเขาเถอะ แต่อย่าลืมว่ายังมีเกมเหลืออยู่อีกถึง 14 นัดในลีก แถมยังมีรายการอื่น ๆ ที่จะเริ่มกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งในช่วงเดือนต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะรายการยุโรปที่ “หงส์แดง” ต้องเข้าไปป้องกันแชมป์ ในฐานะผู้ถือครองจากเมื่อปีก่อน ฉะนั้นการรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ให้ได้ทุกเกม ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะรายการใด เพราะอย่าลืมว่าที่นี่คือ “เวทีพรีเมียร์ลีก” ซึ่งเป็นลีกที่ทุกทีมพร้อมพลิกล็อกแพ้ชนะกันได้ตลอดเวลา และเป็นลีกที่เข้มข้นที่สุดกว่าทุกๆ ลีก ในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คิดแบบเข้าข้าง “ลิเวอร์พูล”หากพวกเขาเก็บชัยชนะในเกมลีกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงแมตช์เยือนทีมของกุนซือ “เป๊ป กวาร์ดิโอลา” ที่เอติฮัด สเตเดียม ในวันที่ 4 เมษายนนี้ หาก “หงส์แดง” สามารถเก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จนั่นหมายความว่า เหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” จะได้ฉลองแชมป์ที่รอคอยกันมานานที่เมืองแมนเชสเตอร์ ทันที และเชื่อได้เลยว่า แฟนบอล “หงส์แดง” ชาวไทย และทั่วโลก เตรียมตัวกันได้เลย หลัง สื่อมวลชนประเทศอังกฤษ ออกมารายงานข่าวว่า ลิเวอร์พูล จ่าฝูงไร้พ่ายศึกพรีเมียร์ลีก ได้ออกกำหนดการฉลองแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี เอาไว้แล้ว โดยเลือกวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม เป็นวันที่ประกาศให้โลกรู้ว่าเราคือแชมป์ ถามว่าตอนนี้ พลพรรค “เรดแมชชีน” และเหล่าบรรดากองเชียร์ ต่างมโน วาดฝันถึงการแห่ถ้วยแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ หลังรอคอยมากว่า 30 ปี ก็เหมือนจะอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว แต่จะเลือกชูขึ้นฟ้า หรือ วางลงพื้น อยู่ที่ตัวเองเป็นคนกำหนดในช่วงเวลาที่เหลือต่อจากนี้เท่านั้น คงไม่ใช่การกล่าวเกินจริงหากจะยกย่องว่า ณ ตอนนี้ “ลิเวอร์พูล” เป็นทีมที่แกร่งที่สุดหากนับจาก 5 ลีกชั้นนำในยุโรป โดยนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลจนกระทั่งถึงตอนนี้ เหลือเกมให้พลพรรค “หงส์แดง” ได้ลงวาดรวดลายอีกเพียง 14 เกมจะจบฤดูกาล และมันคงจะเป็น 14 เกมที่เหล่าเดอะค็อปทั่วประเทศจะมีความสุขที่สุด ยิ่งกว่าถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว อย่างแน่นอน