เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิชีววิถี BIOTHAI โพสต์ข้อความระบุว่า.. นอกจากเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่นควันพิษสร้างปัญหาให้กับประชาชนในจังหวัดต่างๆตั้งแต่ภาคกลาง ภาคเหนือ และอีสานบางส่วนแล้ว การเผาในพื้นที่เกษตรได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ามหาศาลอีกด้วย ไบโอไทยคำนวณพื้นที่การเผา และการสูญเสียแร่ธาตุอาหารในรูปปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปตัสเซียม ในพืชหลัก 3 ชนิดที่พบการเผาในเปอร์เซ็นต์สูงเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่การปลูกพืชชนิดนั้น พบว่าความเสียหายมีมูลค่าสูงกว่า 37,610 ล้านบาท/ปี มาตรการของรัฐบาลที่เพิ่งประกาศให้มีการลดการเผาจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น ทั้งในแง่การใช้มาตรการที่เข้มงวดให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิตยุติการรับซื้อผลผลิตที่มาจากการเผา การสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยน การพัฒนาเทคโนโลยีในการจัดการเศษซาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อฟื้นฟูพัฒนาดิน ปัญหาระยะยาวมากกว่านั้น คือความจำเป็นในการลดพื้นที่การผลิตพืชเชิงเดี่ยวทั้งข้าวโพด และอ้อย เนื่องจากนอกจากผลตอบแทนจะต่ำกว่าการผลิตรูปแบบอื่นหลายเท่าตัวแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบกว้างขวางดังที่เห็น โดยที่ผู้ได้ประโยชน์จากระบบการผลิตเหล่านี้กลับไม่ใช่เกษตรกรรายย่อย แต่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ปัญหาฝุ่นควันพิษที่เกิดขึ้น ได้แสดงให้ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปได้แลเห็นว่า เราไม่อาจปล่อยให้ทิศทางการพัฒนาเกษตรกรรมของประเทศเป็นไปตามแรงผลักดันของบริษัทยักษ์ใหญ่หรือหน่วยงานรัฐแต่เพียงลำพัง เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสารพิษตกค้างในอาหาร ความเสื่อมโทรมของความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษที่เกิดขึ้นนั้นจะกระทบกับพวกเราทุกคน นี่คือเหตุผลว่า ทำไมผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป ต้องรวมพลังกับขบวนการเกษตรกรรมและอาหารที่ยั่งยืนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นเป็นจริงร่วมกัน