หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ(นสร.กร.)เป็นหน่วยขึ้นตรงของกองเรือยุทธการ มีภารกิจในการจัดเตรียมกำลังสำหรับปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ ทั้งด้านการฝึกศึกษาเกี่ยวกับการสงครามพิเศษทางเรือ การต่อต้านการก่อการร้ายสากล การปฏิบัติการจิตวิทยาเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ การปฏิบัติการค้นหาและถอดทำลายวัตถุระเบิด การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล การฝึกกำลังพลทดแทนของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ปฏิบัติการสงครามนอกแบบ นอกจากนี้ยังได้รับการสนองงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)และพื้นที่รับผิดชอบของ(นสร.กร.)ในนามของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (พธท.)และการถวายอารักขาและรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญอีกด้วย สำหรับภารกิจที่สำคัญดังนี้ 1.จัดเตรียมกำลังพลสำหรับปฏิบัติการการสงครามพิเศษทางเรือและปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบรวมทั้ง การฝึกและศึกษาเกี่ยวกับการสงครามพิเศษทางเรือ เป็นหน่วยกำลังรบขึ้นตรงต่อกองเรือยุทธการ 2.กองรบพิเศษ ปฏิบัติการการสงครามพิเศษทางเรือ และปฏิบัติกิจพิเศษอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย 3.โรงเรียนสงครามพิเศษทางเรือ ฝึกและศึกษาอบรมทดสอบ ประเมินผลเกี่ยวกับการสงครามพิเศษทางเรือ และปกครองบังคับบัญชาผู้เข้ารับการฝึกและศึกษาของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.กร.) 4.กองสนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ สนับสนุนการส่งกำลังบำรุง การบริการให้แก่หน่วยในความรับผิดชอบของ (นสร.กร.) 5.สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรทั้งในทะเลและชายฝั่งทะเลร่วมกับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (พธท.) ทั้งนี้เพื่อตอบสนองภารกิจที่สำคัญดังกล่าว(นสร.กร.)ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ สทป.ด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศเพื่อการใช้งานในกองทัพ ภาคประชาสังคม และภาคอุตสาหกรรม โดยการนำเทคโนโลยีทางเรือเข้ามาสนับสนุนงานด้านความมั่นคง จึงได้ประสาน สทป.เพื่อขอสนับสนุนต้นแบบเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ที่สามารถตอบสนองภารกิจของ นสร.กร.ดังนี้ 1.ด้านความมั่นคงทางทหารได้แก่ 1.1) สนับสนุนภารกิจหลักสูตรต่างๆของ นสร.เช่น นักทำลายใต้น้ำจู่โจม,ปฏิบัติงานใต้น้ำ และลาดตระเวน 1.2) ขนส่งในพื้นที่ที่เรือใหญ่เข้าไม่ถึง(เข้าเกยหาด) 2.ด้านความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติได้แก่ การเก็บขยะลอยน้ำในพื้นที่โครงการอนุรักษ์ พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) และพื้นที่รับผิดชอบของ (นสร.กร.) 3.) ด้านความมั่นคงทางสังคม การมีส่วนร่วมตอบสนองความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อสร้างการตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากขยะในทะเลให้แก่ประชาชนร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะ ให้หมดไป พล.อ.อ.ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพเรือ (นสร.กร.) เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศ ในฐานะหน่วยงานวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความพร้อมด้านองค์ความรู้และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญที่สามารถดำเนินโครงการฯ ร่วมกับ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการหรือ (นสร.กร.)ให้เกิดผลสำเร็จได้ โดย สทป.ได้เสนอโครงการเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเลต่อคณะกรรมการ สทป.เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 โดยคณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบและพิจารณาอนุมัติให้ สทป.วิจัยและพัฒนาสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ร่วมกับ(นสร.กร.)และบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพภายในประเทศ และได้กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการโครงการ 1-2 ปีจนแล้วเสร็จ สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการในครั้งนี้ได้แก่ 1.) สทป. ได้นําแนวคิดในเรื่องแผนพัฒนาทางลัดมาดําเนินการให้เป็นรูปธรรม 2.) เพิ่มขีดความสามารถในงานวิจัยต่อยอดองค์ความรู้สําหรับแพลตฟอร์มทางน้ำของ สทป. 3.) การพัฒนาต่อยอดการจัดสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์ทางทะเล 4.) ส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือของไทย 5.) ตอบสนองความรับผิดชอบต่อสังคม 6.) การร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้ดําริโครงการเพื่อให้สาธารณชนเรียนรู้และตระหนักถึงความสําคัญของพันธุกรรมพืช และ สทป. เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์พันธุ์พืช เพื่อสร้างการตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากขยะในทะเลให้แก่ประชาชนร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะให้หมดไป นอกจากนี้โครงการเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ยังถือเป็นโครงการแรกของ สทป.ตั้งแต่ก่อตั้งสถาบันฯมาที่จะได้มีโอกาสนำผลงานวิจัยพัฒนาต้นแบบสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการหรือ (นสร.กร.)ซึ่งถือเป็นมหามงคลอย่างยิ่งต่อ สทป.เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพึ่งพาตนเองสามารถสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินกิจการด้านการวิจัยพัฒนา และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพื่อความมั่นคง ขณะเดียวกันได้ต่อยอดผลการวิจัยและพัฒนาไปจนถึงขั้นการผลิต และจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ตามพระราชบัญญัติเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ สทป. มาตรา 22 (1) (2)ว่าด้วยการศึกษาค้นคว้า วิจัย และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีป้องกันประเทศและดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม หน่วยงานอื่นของรัฐ และภาคเอกชน,มาตรา 23 (6) ทำความตกลงและร่วมมือกับองค์การหรือหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสถาบันที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.เทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ.2562 นอกจากนั้นการดำเนินโครงการฯ ยังก่อให้เกิดความคุ้มค่าด้านต่างๆดังนี้ 1.ความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ - ลดการนำเข้า และ/หรือการใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศที่มีต้นทุนสูง - เพิ่มมูลค่าของผลงานวิจัยและพัฒนาทางด้านความมั่นคงในอนาคต 2.ความคุ้มค่าด้านความมั่นคง - ตอบสนองยุทธศาสตร์ของ กห. และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ - สามารถตอบสนองต่อความต้องการของหน่วยผู้ใช้งานได้อย่างเป็นรูปธรรม 3.ความคุ้มค่าด้านการเมือง - ก่อให้เกิดพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ รวมถึงการบูรณาการ/พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือตามแผนยุทธศาสตร์ของ สทป. - ตอบสนองตามนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้เกิดการพึ่งตนเองในด้านการวิจัยและพัฒนา 4.ความคุ้มค่าด้านเทคโนโลยี -มีความคุ้มค่าในการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ในโครงการร่วมวิจัยของหน่วยงานรัฐ - เปิดโอกาสให้บุคลากรของหน่วยงานรัฐในการร่วมวิจัยและพัฒนา ทั้งนี้เมื่อ สทป. สามารถสร้างต้นแบบเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล สำเร็จเป็นรูปธรรมและส่งมอบให้ (นสร.กร.) เพื่อใช้งานสำเร็จเรียบร้อยแล้ว สทป. มีแผนที่จะนำองค์ความรู้ในการสร้างต้นแบบเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ดังกล่าวต่อยอดองค์ความรู้สู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้นต่อไปในอนาคต ทั้งนี้เมื่อ สทป. สามารถสร้างต้นแบบเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล สำเร็จเป็นรูปธรรมและส่งมอบให้ (นสร.กร.) เพื่อใช้งานสำเร็จเรียบร้อยแล้ว สทป. มีแผนที่จะนำองค์ความรู้ในการสร้างต้นแบบเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ดังกล่าวต่อยอดองค์ความรู้สู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้นต่อไปในอนาคต