“กกร.”เล็งปรับเป้าจีดีพีใหม่จากขยายตัวร้อยละ 2.5-3 ผลกระทบไวรัสโคโรนา-งบประมาณฯล่าช้า จี้รัฐคุมราคาหน้ากากอนามัยสูงเกินไป ชงรัฐสร้างความเข้าใจประชาชน แนะไทยเที่ยวไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยมีความมั่นใจมาตรการต่างๆของรัฐในการเฝ้าระวังปัญหาไวรัสโคโรนา โดยหอการค้าไทยยินดีให้ความร่วมมือและจะช่วยเป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องไปสู่สมาชิกและเครือข่ายหอการค้า และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการต่างๆที่ภาครัฐเสนอ เพื่อป้องกันเฝ้าระวังและเข้าใจในธรรมชาติของไวรัส โดยขอให้ประชาชนมีสติ ไม่ตื่นตระหนก และติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ พร้อมเสนอแนะให้ภาครัฐควรกำหนดหน่วยงานที่จะให้ข้อมูลถูกต้องเป็นศูนย์กลาง เนื่องจากกระแสข่าวออนไลน์อาจสร้างความสับสนและผิดพลาดได้ สำหรับสถานพยาบาล คลินิก โรงพยาบาล หน่วยงานหรือองค์กรที่เป็นสถานที่ดูแลป้องกันรักษาผู้ป่วย จะต้องเพิ่มความระมัดระวัง และมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเข้มงวด โดยอาจจะเพิ่มจุดคัดกรองพิเศษ เพื่อตรวจสอบผู้ที่สงสัยว่าอาจจะติดเชื้อ ทั้งนี้ หอการค้าไทยสนับสนุนแนวทางของสถานประกอบการประเภทโรงแรมหลายจังหวัดที่มีมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มาพัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้มาใช้บริการอีกด้วย หรือกรณีนักท่องเที่ยวมาพักเป็นกลุ่มใหญ่ก็อาจจะแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือให้มีหน่วยเคลื่อนที่มาตรวจสอบคัดกรอง นอกจากนี้ขอเสนอให้ภาครัฐจัดสรรอุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสให้แก่ประชาชนอย่างเพียงพอเช่น ชุด kit set ประกอบไปด้วย หน้ากาก กระดาษทิชชูแบบพกพกและเจลล้างมือ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเช่น เด็กอนุบาล หรือผู้สูงอายุในชุมชนแออัด รวมทั้งผู้โดยสารในสถานีขนส่งมวลชนทางบกและทางน้ำ และขอเสนอให้มีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในรถบริการสาธารณะ เช่น รถประจำทางหรือรถแท็กซี่ที่มารับผู้โดยสารในสนามบิน เป็นต้น ทั้งนี้อยากให้คนไทยเที่ยวไทยมากขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว สร้างรายได้ ชดเชยเม็ดเงินที่หายไปจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมขอให้ภาครัฐเข้ามาควบคุมดูแลไม่ให้ราคาหน้ากากอนามัยสูงเกินไป ขณะที่ภาคเอกชนพร้อมที่จะสนับสนุนกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)อาจมีการปรับเป้าจีดีพีปีนี้ใหม่ จากเดิมคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2.5-3 เพราะว่ามีหลายปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบทั้งไวรัสโคโรนาและการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ล่าช้า