"ก.หูกวาง"ระดมสมองคุมเข้มปัญหา PM 2.5 "ศักดิ์สยาม" สั่ง ขบ.ศึกษาเก็บภาษีเพิ่มรถต้นเหตุใน 30 วัน คาดมีผลบังคับในปีนี้ พร้อมลงดาบรถบรรทุก"พ่นห้ามใช้"ฝ่าฝืนปรับหนัก 50,000 บาท ขณะที่"กรมรางฯ"ปิ้งไอเดียเล็งถกรฟม.ลดค่าจอดรถ Park & Ride 50% หวังดึงคนใช้รถไฟฟ้าช่วยลดฝุ่นมากขึ้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ศึกษาแนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีในการต่อใบอนุญาต รวมถึงจดทะเบียนรถใหม่ในรถทุกประเภทที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามข้อห่วงใยของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะต้องบูรณาการประสานงานร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง พร้อมทั้งความร่วมมือจากภาคประชาชนด้วย นอกจากนี้ ขบ. จะต้องศึกษาการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต เพื่อเป็นมาตรการสำหรับกำหนดให้รถที่ใช้พลังงานสะอาดมีราคาถูกลง พร้อมทั้งพิจารณาการดำเนินการในการรองรับในทุกด้าน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถระบบไฟฟ้า (EV) รวมถึงเชื้อเพลิง NGV และเชื้อเพลิงไบโอดีเซล B20 มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน จากนั้นจะมีการจัดรับฟังความคิดเห็นกับประชาชน ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ หากเห็นชอบคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ ขณะเดียวกัน จากการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในเป็นประธานคณะกรรมการฯ นั้น ในที่ประชุมได้มีการเห็นชอบร่วมกันให้ยกระดับปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ และขอให้มีการนำมาตรการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2562 มาบังคับใช้กฎหมายตามมาตรการดังกล่าวแบบ Single Command และพล.อ.ประวิตรฯ ยังได้มีข้อสั่งการให้ผู้ราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นผู้พิจารณามาตรการที่จะเข้มขันขึ้นตามสภาพการณ์ที่เหมาะสมกับปริมาณฝุ่น PM 2.5 เพื่อไม่ให้มีผลต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ ในที่ประชุม ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมจัดหาเครื่องมือตรวจวัดควันดำ (แบบทึบแสง) เพิ่มเติมให้เพียงพอ และให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และตำรวจ เพิ่มความเข้มขันในการตั้งด่านตรวจควันดำให้ครบทั้ง 50 จุดทั่วกรุงเทพมหานครตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ซึ่งตนได้สั่งการเพิ่มเติม คือ ให้มีการตรวจควันดำทั้งประเทศ เพื่อให้สามารถป้องกันได้ตั้งแต่ต้นทาง นอกจากนี้ ให้ส่วนราชการตรวจสอบยานพาหนะของส่วนราชการเองให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีควันดำ รวมถึงให้ส่วนราชการพิจารณาการปรับการทำงานเหลื่อมเวลา และให้ราชการลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลและส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รายงานผลการตรวจสอบควันดำตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2562 ถึง 22 ม.ค. 2563 ว่าทางกรมการขนส่งทางบกได้มีการตรวจสอบรถบรรทุก ,รถโดยสารที่มีควันดำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไปแล้วทั้งหมดจำนวน 57,971 คัน โดยตรวจพบรถที่มีควันดำเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 1,087 คัน ซึ่งได้พ่นเครื่องหมายห้ามใช้รถดังกล่าวไปแล้ว โดยๆหลังจากพ่นเครื่องหมายแล้วหากมีการนำรถกลับมาให้โดยยังไม่ผ่านการตรวจสอบจะมีโทษปรับครั้งละ 50,000 บาท ส่วนกรณีที่เป็นรถส่วนบุคคลจะขึ้นกับพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) จราจรที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)จะมีโทษปรับครั้งละ 1,000 บาท รวมถึงได้การสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯจัดทำแผนรายงานดำเนินการแก้ไขปัญหาของแต่ละหน่วยงานอย่างไรทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยได้มีการหน่วยงานที่มีการบริการสาธารณะเป็นพิเศษ เช่น รถเมล์ ขสมก., รถร่วมบริการ และรถ บขส. รวมถึงการรถไฟฯ เป็นต้น นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ของกรมการขนส่งทางราง (ขร.) นั้น ขร.เตรียมหารือร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในการลดอัตราค่าจอดรถ 50% ในอาคารจอดแล้วจร (PARK & RIDE) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า ทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาจราจร และถือเป็นมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนด้วย นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดี ขร. กล่าวว่า เตรียมเข้าหารือร่วมกับ รฟม.ถึงแนวทางการลดอัตราค่าจอดรถ 50% ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ เชื่อว่า หากสามารถดำเนินการได้นั้น จะสามารถจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบรถไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงเป็นส่วนช่วยในการแก้ปัญหา PM 2.5 ด้วย รายงานข่าวจาก รฟม. ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีพื้นที่จอดรถ 4 แห่ง จอดรถได้รวม 4,923 คัน ประกอบด้วย 1.อาคารจอดแล้วจร สถานีคลองบางไผ่ จอดรถได้ 1,986 คัน 2.อาคารจอดแล้วจร สถานีสามแยกบางใหญ่ จอดรถได้ 1,296 คัน 3.อาคารจอดแล้วจร สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ จอดรถได้ 1,076 คัน และ 4.อาคารจอดแล้วจร สถานีแยกนนทบุรี 1 จอดรถได้ 565 คัน โดยในส่วนของอัตราค่าจอดรถผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า จะอยู่ที่ 2 ชั่วโมง ราคา 10 บาท หรือจอดทั้งวัน 180 บาท ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนั้น มีพื้นที่จอดรถ 12 แห่ง จอดรถได้รวม 4,000 คัน โดยเป็นอาคารจอดรถ 3 แห่ง และลานจอดรถ 10 แห่ง ประกอบด้วย อาคารจอดรถ 9 ชั้น สถานีลาดพร้าว จอดรถได้ 2,200 คัน, ลานจอดรถสถานีรัชดาภิเษก จอดรถได้ 75 คัน, ลานจอดรถสถานีห้วยขวาง จอดรถได้ 73 คัน, ลานจอดรถ สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จอดรถได้ 30 คัน, อาคารจอดรถ 3 ชั้น สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จอดรถได้ 205 คัน, ลานจอดรถสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จอดรถได้ 106 คัน ลานจอดรถสถานีพระราม 9 จอดรถได้ 50 คัน, ลานจอดรถสถานีเพชรบุรี จอดรถได้ 54 คัน, ลานจอดรถสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จอดรถได้ 79 คัน, ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จอดรถได้ 42 คัน, ลานจอดรถสถานีสามย่าน จอดรถได้ 31 คัน โดยในส่วนของอัตราค่าจอดรถผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า จะอยู่ที่ 2 ชั่วโมง ราคา 15 บาท และอาคารจอดรถ สถานีหลักสอง จอดรถได้ 1,000 คัน มีอัตราค่าจอดรถผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า จะอยู่ที่ 2 ชั่วโมง ราคา 10 บาท