น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า 2 เม.ย. องค์การสหประชาชาติ กำหนดเป็นวันออทิสติกโลก โรคนี้มักพบในเด็กชายมากกว่าหญิง พบได้ทั้งคนจน-คนรวย เด็กไทยอายุไม่เกิน 5 ขวบ จะพบ 1 ต่อ 161 คน แต่ละคนมีระดับความรุนแรงของโรคไม่เท่ากัน ความผิดปกติจะเปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการ จะเห็นเด่นชัดเมื่ออายุมากขึ้น โดยจะมีความผิดปกติของพัฒนาการสมองที่ล่าช้า 3 ด้านคือ สังคม ภาษา พฤติกรรม
ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการได้ก่อนที่เด็กจะมีอายุ 3 ปี สัญญาณเตือนคือ “ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว ไม่ชอบเปลี่ยนแปลง” กล่าวคือ ด้านสังคม เด็กจะไม่สบตา ไม่สนใจมองตามเมื่อเรียกชื่อ ไม่สนใจผู้อื่น ด้านภาษา เช่น พูดช้ากว่าเด็กปกติ-พูดได้ไม่เป็นภาษา พูดคำเดิมๆ ซ้ำๆ ทั้งวัน ด้านพฤติกรรม เช่น ชอบอยู่ในโลกส่วนตัว มีพฤติกรรมซ้ำๆ ที่ไม่เหมาะสม ชอบมองวัตถุที่หมุนตลอดเวลา
ทั้งนี้ เป็นโรคที่มีความหลากหลายทางอาการมาก เด็กบางคนดูก็รู้ว่าเป็น แต่บางคนดูไม่ค่อยชัด ต้องอาศัยการเฝ้าติดตามอาการและพฤติกรรมหลายๆ ครั้งเพื่อให้แน่ใจ ต้องอาศัยการเรียนรู้จากประสบการณ์ ยิ่งเห็นมากจะยิ่งเข้าใจโรคมากขึ้น สามารถรักษาได้ พามาตรวจเร็ว ผลการรักษาจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสมองช่วงอายุน้อยกว่า 5 ขวบจะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ถ้ารีบแก้ไข จะทำให้เด็กมีโอกาสพัฒนาได้อย่างดี หากตรวจพบตั้งแต่2 ขวบปีแรก จะทำให้ผลการรักษาดีมาก แม้ไม่หายขาดแต่เด็กจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ ดีขึ้น