สมช. พร้อมเฝ้าระวังผู้ต้องสงสัยบางปท. เข้ามาก่อเหตุในไทย เหตุ "สหรัฐฯ-อิหร่าน"ขัดแย้ง ปรับกลไก เดินหน้าแผนความมั่นคง เน้น ก่อการร้าย-ภัยไซเบอร์ วันที่ 23 ม.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) แถลงผลประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมมีการหารือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอิหร่าน ซึ่งที่ประชุมคาดการณ์ว่าเหตุการณ์จะไม่รุนแรง จนถึงขั้นใช้กำลังทางทหารระหว่างกัน แม้ว่าอิหร่านจะถล่มค่ายทหารของสหรัฐฯในอิรักก็ตาม แต่เพื่อความไม่ประมาท เราได้กำหนดมาตรการที่จะดูแลคนไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง และดูแลผลประโยชน์ของสหรัฐ อิสราเอล อิหร่าน ในประเทศไทย ไม่ให้ถูกโจมตี รวมทั้งจะต้องสอดส่องผู้ต้องสงสัยบางประเทศที่จะเข้ามาประเทศไทยเพื่อก่อเหตุ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเรื่องความมั่นคงทางพลังงาน ในกรณีที่ค่าน้ำมันผันผวน อีกทั้งยังมีการพิจารณาแผนปฏิบัติการด้านการบูรณาการข้อมูลด้านความมั่นคง ระยะที่ 1 พ.ศ.2563-2565 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลด้านความมั่นคง ผ่านระบบฐานข้อมูลที่ทันสมัย ถูกต้อง และสมบูรณ์เพียงพอต่อการสนับสนุนกลไกการตัดสินใจแก้ไขปัญหาความมั่นคงระดับชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อถามว่า งบประมาณที่สมช.ได้รับ เพื่อจัดสรรดำเนินการตามแผนเพียงพอหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ้างบประมาณปกติก็ไม่พออยู่แล้ว แต่เรามองภาพรวมของประเทศ ว่าแต่ละหน่วยงานของราชการก็มีความต้องการงบประมาณสูงทั้งสิ้น ขณะที่สมช.ได้งบประมาณปีละ200-300ล้านบาท ก็ยังไม่พอ แต่เราก็จัดสรรจนทำงานได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ จะเน้นการทำงานในหลายเรื่อง เช่น การก่อการร้าย ความมั่นคงทางทะเล ภัยความมั่นคงไซเบอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ฉะนั้นงบประมาณที่เรามีอยู่จะทุ่มไปกับเรื่องเหล่านี้