วันนี้ (23 ม.ค.63) ที่ตึกสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ถึงกรณีการเสียบบัตรแทนกันในการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณรายจ่าย 2563 ว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งต้องดูว่าเกิดที่ไหนและรัฐบาลจะแก้ไขอะไรได้อย่างไร โดยมีรัฐบาลมีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สื่อน่าจะถามตนคือจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งตนก็ต้องมีการพูดคุยกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณว่าจะทำอย่างไร เพราะขณะนี้ทราบว่าได้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ดังนั้นต้องมีการหารือกันอีกครั้งว่าจะแก้ไขในส่วนการบริหารราชการได้อย่างไร อย่างไรก็ตามวันนี้ในส่วนของงบบุคลากรและงบอะไรต่างๆ ไม่ได้มีปัญหามากนัก แต่มีปัญหาในเรื่องงบลงทุนที่มีจำนวนหลายแสนล้านบาท ซึ่งหากทำไม่ได้ก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น จึงต้องหามาตรการอื่นมาเสริมอีกจำนวนมาก แต่ถ้าไม่มีเงินลงไปก็จะเดือดร้อนกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามตนเคารพในกติกาและกฎหมายทุกตัว จึงขอให้ติดตามเรื่องนี้กันต่อไปแล้วกัน เมื่อถามว่า คาดว่างบประมาณฯ จะล่าช้าหรือขยายไปอีกนานเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าจะนานหรือไม่นาน ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ซึ่งปกติก็ใช้เวลานานพอสมควรในเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นก็จะทำให้ล่าช้าไปอีกและงบประมาณมีปัญหา สมมติช้าไปอีก 3 เดือนแล้วจะใช้ทันหรือไม่ในเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งขณะนี้เข้าไปไตรมาส 2 แล้ว ส่วนความเป็นไปได้ที่จะออกเป็นพ.ร.ก.เงินกู้นั้น มองว่ายังไม่สมควรในเวลานี้ ทั้งนี้ทีมเศรษฐกิจก็ต้องทำแผนสำรองอยู่แล้ว โดยจะมีการประชุมในเรื่องงบประมาณว่าจะทำอย่างไรได้บ้างหากต้องเลื่อนออกไปอีกในด้านการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐที่เรียกว่าใช้ไปพลางก่อนจะทำอย่างไร ซึ่งปัญหาติดอย่างเดียวคือเรื่องของเศรษฐกิจและงบลงทุน  เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวมีการมองว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ว่าพรรคไหนตนก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อถามอีกว่าสะท้อนหรือไม่ว่า เป็นการขุดคุ้ยฟ้องร้องกันเองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ไปถามคนฟ้อง อย่ามาถามผมเพราะผมไม่ได้เกี่ยวข้องตรงโน้น แต่สรุปว่าไม่ควรกระทำ นั่นแหละไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม ไม่ควรจะกระทำถ้ารู้ว่าผิดกติกาของสภา เอางี้ผมตอบอย่างนี้"