"จักรทิพย์ - ผบ.สภ.พะเยา" โดดชี้แจง กมธ.กฎหมาย ปมม.วลัยลักษณ์ ขวางวิ่งไล่ลุง ด้าน "สมบัติ" อธิการบดี ยันมหาวิทยาลัยเคารพเสรีภาพการแสดงออก พร้อมตรวจสอบผู้ปล่อยข้อมูลนักศึกษาในกรุ๊ปไลน์ ศอ.ปส. แต่ไม่ได้ออกหนังสือยกเลิกการห้ามจัดกิจกรรม เพราะเป็นมหาวิทยาลัยเล็กคนรู้กันอยู่แล้ว วันที่ 22 ม.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นประธาน กมธ. เชิญ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วยรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และหัวหน้าหน่วยประสานงานมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงกรณีการใช้อำนาจเข้าแทรกแซงการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช และจ.พะเยา ขณะที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดพะเยาแจ้งว่าติดภารกิจออกตรวจพื้นที่ไม่ได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง โดยนายธนวัฒน์ วงศ์ไชย และน.ส.ทิพอัปษร แก้วมณี ทีมผู้จัดงาน ร้องเรียนว่าหลายพื้นที่ในการจัดงานมีการข่มขู่กดดันและคุกคาม แม้กระทั่งพื้นที่ในมหาวิทยาลัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็มีการใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะเข้าควบคุมการจัดกิจกรรม โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมทั้งที่เป็นกิจกรรมวิ่ง ขณะที่การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงขออนุญาตใช้พื้นที่สวนลุมพินีแต่ไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่อีกกิจกรรมหนึ่งใช้ได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปข่มขู่กดดันคุกคาม มีเจ้าหน้าเข้าไปถ่ายรูปคุณย่าของตนที่บ้านในจ.เชียงใหม่ ตนจึงตั้งคำถามว่าการใช้อำนาจรัฐปิดปากและกดทับสิทธิเสรีภาพของประชาชนสมควรแล้วหรือไม่ สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนมีหรือไม่ ขณะเดียวกันรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่ให้จัดทั้งงานวิ่งและงานเดิน ทั้งที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ด้านตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา กล่าวว่า นักศึกษาได้ไปขออนุญาตใช้พื้นที่จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ได้รับอนุญาตและเจ้าหน้าที่ก็ไปหานักศึกษาที่มหาวิทยาลัยและที่บ้าน พร้อมทั้งเรียกเข้าไปให้ปากคำ พร้อมทั้งมีการเขียนบันทึกถ้อยคำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเขียนแทนนักศึกษาและให้ผู้ปกครองเซ็น และจากการติดตามข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่ามีการคุกคามในลักษณะนี้อีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ และการดำเนินคดีชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้เครื่องขยายเสียง และกีดขวางการจราจร รวม 10 คดี ตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ก่อนจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในมหาวิทยาลัย ได้มีประกาศห้ามจัดกิจกรรมแต่ไม่ได้ลงชื่อรับรอง และเมื่อจัดกิจกรรมแล้วก็มีการเชิญตัวนักศึกษาไปพบพร้อมคณาจารย์มีตำรวจมารับฟังด้วย ขณะที่ นายสมบัติ กล่าวว่า คณาจารย์กังวลว่าจะเกิดการต่อต้านจากกลุ่มตรงข้ามจนเกิดความไม่สงบในมหาวิทยาลัยขึ้น แต่ตนยืนยันว่าการห้ามวิ่งไล่ลุงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของนักศึกษาจึงสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย พร้อมจัดรถพยาบาลมาดูแลนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ยืนยันมหาวิทยาลัยไม่มีการละเมิดสิทธิและอำนวยความสะดวก การเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของนักศึกษาในกลุ่มไลน์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในมหาวิทยาลัย (ศอ.ปส.) ทางมหาวิทยาลัยได้มีการสั่งห้ามและเรียกคืนสิทธิให้นักศึกษา ขณะที่ตัวแทนนักศึกษาเอง ขอให้มีการตั้งกรรมการสอบและป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของนักศึกษา ซึ่งอธิการบดีก็รับไว้ ด้านตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่าในส่วนการขอจัดกิจกรรมที่สวนลุมพินีเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ บช.น. จะเชิญให้ บช.น. มาชี้แจง ในส่วนของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ขอให้นักศึกษาเข้าแจ้งความก่อนจะได้มีการตรวจสอบข้อมูลที่ง่ายขึ้น ขณะที่กรณี ม.พะเยา ต้องรอตัวแทนจาก สภ.พะเยา มาชี้แจง และภาพรวมทั้งหมดตนก็จะรับเรื่องไว้แจ้งผู้บังคับบัญชา เพราะตนไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ แต่ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงแทนในเวลา 21.00 น. เมื่อคืน นายปิยบุตร กล่าวว่า นี่เป็นปัญหาที่เจ้าหน้าที่ไม่สะดวกหรือไม่ให้ความร่วมมือ แต่กลับส่งคนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับผิดชอบ ทำให้ กมธ. ทำงานไม่ได้ คราวหน้าจะต้องเชิญ ผบช.น. และผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา น.ส.พรรณิการ์ วานิช รองประธาน กมธ. ตั้งคำถามว่า ผู้จัดงานเดินเชียร์ลุงที่สามารถจัดงานในสวนลุมพินีได้ ขณะที่กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ทำไม่ได้เนื่องจากเหตุผลอะไร และถามไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ว่าเพิ่งทราบว่ามีหนังสือห้ามจัดกิจกรรมพร้อมกับสื่อหรือไม่ และหลังจากนั้นมีหนังสือยกเลิกการห้ามจัดกิจกรรมนั้นหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีตำรวจร่วมสอบสวน นายวัฒนา รักขันโทนักศึกษามหาวิทยาลัยตนทราบหรือไม่ นายสมบัติ กล่าวว่า แถลงการณ์ห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้มาจากส่วนของมหาวิทยาลัยอย่างถูกต้อง ตนไม่ได้ออกหนังสือมายกเลิกคำสั่งในหนังสือดังกล่าว เพราะมหาวิทยาลัยเล็ก และหนังสือห้ามจัดกิจกรรมก็ไม่ได้มีผลต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา และตามปกติแล้วทุกคำสั่งก็ไม่ได้มีคนทำตามเสมอ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีตำรวจ แต่ตนกำชับกับผู้บริหารทุกคนแล้วว่าต้องเคารพสิทธิเสรีภาพ ส่วนข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นตนก็จะดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ด้าน พล.ต.ต. สมเกียรติ ชี้แจงว่างานวิ่งไล่ลุงและเดินเชียร์ลุง มีการขออนุญาตมาทั้งคู่ แต่เหตุใดอีกงานถึงจัดไม่ได้ ตั้งสอบถาม บช.น. ส่วนกรณีสอบสวนนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตนจะรับเรื่องไว้ไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตามกรรมาธิการมีความเห็นว่าในการประชุมครั้งหน้าควรเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ โดยเฉพาะ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ