นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ facebook live จากสภากาแฟร้านบังบ่าว ศูนย์การค้าบวรพลาซ่า นครศรีธรรมราช กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า เป็นมาตรการการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายค้านต่อฝ่ายรัฐบาลตามกลไกของรัฐธรรมนูญ แต่จากกระแสข่าวที่ปรากฏออกมาในขณะนี้ มีการเปิดสงครามด้านข้อมูลข่าวสารอย่างเข้มข้น ก่อนจะมีการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อพรรคร่วมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลทั้งสิ้น ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่มีกระแสข่าว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ออกมาคัดค้านการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือกระแสข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทยแอบนัดจิบไวน์กับแกนนำของรัฐบาล รวมถึงกระแสข่าวการขอเงินงบประมาณ 900 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ใส่รายชื่อในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคน นายเทพไท ระบุว่า กระแสข่าวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข่าวจริง ข่าวเท็จ ข่าวปล่อย เพื่อดิสเครดิตทำลายความน่าเชื่อถือการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ก็ตาม ย่อมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองโดยรวมทั้งสิ้น เพราะจะทำให้ประชาชนขาดความไว้วางใจ และขาดความเชื่อมั่นศรัทธาต่อระบบการเมืองไทย จึงอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์ เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี และภาพพจน์ของฝ่ายการเมืองทั้งหมดให้เป็นที่ไว้วางใจของคนไทยทั่วทั้งประเทศ นายเทพไท กล่าวด้วยว่า อยากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีอิสระในการทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเต็มความสามารถ ตีแผ่เรื่องความไม่ชอบมาพากล เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น การบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ และประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลโดยมีพยานหลักฐาน หรือใบเสร็จมาโชว์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างชัดเจน ส่วนฝ่ายรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ตอบข้อซักถาม ข้อสงสัยของพรรคฝ่ายค้าน โดยใช้ผลงานออกมาหักล้าง ยืนยันความบริสุทธิ์ในการทำงาน ชี้แจงและตอบคำถามในลักษณะสร้างสรรค์ ไม่ควรจัดตั้งองครักษ์เพื่อตีรวน หรือขัดขวางการตรวจสอบ เพราะจะเป็นการทำลายบรรยากาศการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ “อยากให้การอภิปรายเป็นไปในลักษณะสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา ไม่อยากเห็นการเมืองไทยเดินถอยหลังไปสู่ยุครัฐธรรมนูญ ปี 2521 หรือย้อนยุคการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่มีการเล่นเกม ล็อบบี้ ให้มีการถอนชื่อจนญัตติตกไป หรือทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการทำลายกลไกการตรวจสอบของฝ่ายค้านต่อฝ่ายรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”