วันที่ 18 ม.ค.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ภูวนนท์ สมัครไทย รอง ผกก.5 บก.ป. และพ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.5 บก.ป. ได้เชิญตัว นายพงศธร หรือหนุ่ม อายุ 32 ปี ในข้อหาว่า ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น มารับทราบข้อกล่าวหาต่อหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ปางเสาธง จ.สมุทรปราการ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ม.ค.63 ที่ผ่านมา นายพงศธรฯ ได้เข้ามาที่ร้านซูชิแห่งหนึ่งในต.ศรีษะจระเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และอ้างตัวเป็นพนักงานของบริษัทชื่อดังย่านรางน้ำ สั่งให้ทางร้านทำซูชิ จำนวน 150 กล่อง โดยแจ้งว่าจะนำไปเลี้ยงนักท่องเที่ยว โดยตกลงราคากันที่ 68,850 บาท ซึ่งนายพงศธรฯ แจ้งกับทางร้านว่าให้ทำซูชิจริงในราคา 55,800 บาท เท่านั้น ในส่วนของเงินจำนวน 10,350 บาทที่เหลือ ขอเป็นค่าหัวคิวที่ตนเป็นผู้สั่งซื้อ ทั้งนี้หลังจากนั้นนายพงศธรฯ ได้สั่งให้ทางร้านนำเงินจำนวน 10,350 บาท (ค่าหัวคิว) ใส่ซองเตรียมไว้เพื่อมอบให้ตนภายหลังจากที่ตนพาไปรับเงินค่าซูชิกับทางบริษัทดังกล่าว เจ้าของร้านจึงได้ให้พนักงานถือซองเงินค่าหัวคิวและไปที่บริษัทดังกล่าวกับนายพงศธรฯ โดยระหว่างเดินทางไปนั้นนายพงศธรฯ ได้ฉวยโอกาสดึงซองเงินดังกล่าวไปจากพนักงาน และหลอกให้พนักงานไปรอที่บริษัท แต่สุดท้ายนายพงศธรฯ กลับไม่มาตามที่นัดหมาย เมื่อเจ้าของร้านทราบเรื่องดังกล่าว จึงรู้ตัวว่าถูกนายพงศธรฯ หลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนติดตาม โดยทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และสืบสวนเพิ่มเติมจนทราบว่า นายพงศธรฯ เป็นผู้ก่อเหตุ โดยได้ก่อเหตุฉ้อโกงในลักษณะดังกล่าวมาแล้วเป็นจำนวนหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้สืบสวนจนพบว่านายพงศธรฯ หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งย่านถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อพบนายพงศธรฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำภาพจากกล้องวงจรปิด นายพงศธรฯ ยอมรับว่าตนเป็นคนร้ายตามภาพในกล้องวงจรปิดที่ก่อเหตุดังกล่าวจริง และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบภายในห้องพักรายวัน ซึ่งนายพงศธรฯ พักอยู่ พบเสื้อที่มีลักษณะคล้ายกับตัวที่ใส่ก่อเหตุและถูกกล้องวงจรปิดจับภาพได้ สอบถามนายพงศธรฯ รับว่าเป็นเสื้อของตนที่ใส่ในการก่อเหตุในวันและเวลาจริง นอกจากนั้น ตำรวจยังพบของกลางเงินสดจำนวน 10,600 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวนายพงศธรฯ ไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อหน้าพนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง จากการสอบถามนายพงศธรฯให้การยอมรับว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง และตั้งแต่เดือนพ.ย. 62 ถึงปัจจุบัน นายพงศธรฯ ก่อเหตุฉ้อโกงในลักษณะนี้มาแล้วจำนวน 14 ครั้ง ร้านอาหารเยอรมัน CW CURRYWURST ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ เอกมัย ได้เงิน 5,000 บาท (สน.คลองตัน) 2.ร้านแมคโดนอล ห้างสรรพสินค้าเซียร์รังสิต ได้เงิน 7,900 บาท (สภ.คูคต) 3.ร้านฮ่องกงนู๊ดเดิ้ล ซอยนวลจันทร์ ได้เงิน 11,000 บาท (สน.บึงกุ่ม) 4. ร้านซูชิ (ไม่ทราบชื่อร้าน) รังสิตคลอง 2 ได้เงิน 7,000 บาท (สภ.คลองหลวง) 5.ร้านซูชิเลิฟเวอร์ ซอยเจริญกรุง 72 ได้เงิน 6,800 บาท (สน.วัดพระยาไกร) 6.ร้านเคเอฟซี สาขารังสิตคลอง 2 ได้เงิน 10,500 บาท (สภ.คลองหลวง) 7.ร้านกาแฟอเมซอน ปากทางถนนร่มเกล้า ได้เงิน 5,600 บาท (สภ.ร่มเกล้า) 8.ร้านซูชิบ้านไข่หวาน ถนนเคหะร่มเกล้า ได้เงิน 5,500 บาท (สน.ร่มเกล้า) 9.ร้านแมคโดนัล สาขา รังสิตคลอง 3 ได้เงิน 15,000 บาท (สภ.ธัญบุรี) 10.ร้านโคโคอิชิบันย่า สาขา ปั๊ม ปตท. สายไหม 56 ได้เงิน 9,720 บาท (สน.สายไหม) 11.ร้านขนมปัง ที่ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ (สน.ประเวศ) ไม่สำเร็จ 12.ร้านขนมปัง ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลสำโรง (สภ.สำโรงเหนือ) ไม่สำเร็จ 13.ร้านเซเว่นอีเลเว่น ที่ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ (สน.ประเวศ)ไม่สำเร็จ 14.ร้านสุกี้ ที่ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ (สน.ประเวศ) ไม่สำเร็จ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายพงศธรฯ เคยถูกจับกุมในข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ” และพ้นโทษเมื่อวันที่ 15 ต.ค.62 ที่ผ่านมา กองปราบปรามจึงขอประชาสัมพันธ์ว่า ผู้เสียหาย (ตามรายละเอียดข้างต้น) ที่เคยถูกนายพงศธรฯ หลอกลวงเอาทรัพย์ไปโดยมีลักษณะการหลอกลวงคล้ายคลึงกับคดีนี้กรุณาเข้ามาตรวจสอบคนร้ายว่าตรงกับภาพของนายพงศธรฯ คนร้ายในคดีนี้หรือไม่ หากยืนยันว่าเป็นคนเดียวกับคนร้ายในคดีนี้จริง สามารถติดต่อพนักงานสอบ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินเพิ่มเติมต่อไป