ดนตรี / วรรณากร ทองเสริม สำหรับคนที่เพลง “Last Train To London” คือเพลงโปรดที่ฟังมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นเท่ากับการได้ยินข่าวคราวว่าวงรุ่นคุณพ่อที่เป็นเจ้าของเพลงโปรดยังไม่ได้หายไปไหน หนำซ้ำยังมีผลงานที่ออกมาใหม่ให้ได้ฟังกันอีกด้วย อีแอลโอ (ELO) หรือ อิเล็กทริก ไลต์ ออร์เคสตรา (Electric Light Orchestra) ตั้งวงกันมาตั้งแต่ต้นยุคทศวรรษที่ 70 หยุดพักวงไปช่วงหนึ่งตอนกลางยุคทศวรรษที่ 80 แล้วจึงกลับมาเมื่อในช่วงเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ แต่ก็เป็นการกลับมาในลักษณะของการนำเพลงเก่าเอามาออกอัลบั้มโดยมีเพลงใหม่แซมอยู่บ้าง จนกระทั่งราวปี 2557 จึงได้เป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่อย่างแท้จริงภายใต้ชื่อว่า เจฟฟ์ ลินน์'ส อีแอลโอ (Jeff Lynne's ELO) วงร็อคจากอังกฤษที่จัดว่าอยู่ในระดับตำนานวงนี้มีเพลงฮิตมากมาย ในยุครุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็น “Telephone Line”, “Mr. Blue Sky”, “Last Train To London”, “Evil Woman” และอีกมาก นอกจากนี้ เพลงของวงดังในยุคหลังที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยกว่าอย่าง ดาฟท์ พังค์ ก็เห็นได้ชัดว่า ได้รับอิทธิพลมาจาก อีแอลโอ จากสมาชิกหลัก 4 คนในปีแรกก่อตั้งวง (รอย วูด-ร้องนำและกีตาร์, เบฟ บีแวน-กลอง, เจฟฟ์ ลินน์-ร้องนำและกีตาร์, ริค ไพรซ์-เบส) เหลือเพียงสองคนในยุคปัจจุบัน ลินน์ กับ ริชาร์ด แทนดี-มือเบสผู้มาแทน ริค ไพรซ์ สองปีหลังจากก่อตั้งวง) ทั้งคู่ฟื้นวงขึ้นมาใหม่ในชื่อของ เจฟฟ์ ลินน์'ส อีแอลโอ ทำเพลงใหม่ ออกอัลบั้มใหม่และประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ อัลบั้มชุดแรกภายใต้ชื่อ เจฟฟ์ ลินน์'ส อีแอลโอ ออกมาในปี 2558 ชื่อว่า Alone In The Universe นับเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 13 ของ อีแอลโอ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการบรรจุชื่ออยู่ใน ร็อค แอนด์ โรลล์ ฮอลล์ ออฟ เฟม ด้วย พวกเขาทิ้งระยะไปถึงสี่ปี ก่อนจะออกผลงานใหม่ซึ่งเป็นชุดล่าสุดคือ From Out Of Nowhere ซึ่งยังคงถือว่าเป็นผลงานในนามของ เจฟฟ์ ลินน์'ส อีแอลโอ และนี่เป็นอัลบั้มที่จะสร้างความพึงพอใจให้แฟนเก่าแก่ แฟนพันธุ์แท้ของ อีแอลโอ อย่างยิ่ง หากใช้หูของคนรุ่นเจนเนอเรชั่น Y, Z หรือ Alpha มาวัด สุ้มเสียงโดยรวมของงานชุดนี้อาจไม่ได้ล้ำสมัยล้ำยุคแบบดนตรีในกระแสหลัก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็น “Songbird”, “Help Yourself”, “Down Came The Rain”, “From Out Of Nowhere” หรือ “One More Time” เพลงเหล่านี้จะพาคุณกลับไปหาความหมายดั้งเดิมของความเป็น อีแอลโอ ต้องบอกว่าอัลบั้ม From Out Of Nowhere คืองานที่ดึงเอาความเป็นของ อีแอลโอ มาใช้อย่างคุ้มค่า มีทุกอย่างที่เราคาดหวังว่าจะมีในงานของพวกเขา และแสดงให้เห็นความหมายของคำว่า “คลาสสิก” อย่างสมบูรณ์