นายระพีภัทร จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ภาพรวมค่าเงินในปี 2562 แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5% จาก 31.81 บาทต่อดอลลาร์ ในเดือนม.ค.2562 เป็น 30.22 บาทต่อดอลลาร์ ในเดือนธ.ค. ส่งผลผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเกษตร โดยสินค้านำเข้ามาราคาถูกลง เช่น ปุ๋ยเคมี สารกำจัดวัชพืช ศัตรูพืช และน้ำมัน รวมถึงต้นทุนการนำเข้าสินค้าเกษตรสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตของอุตสาหกรรม อย่าง ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง และข้าวสาลี รวมถึงค่าขนส่งทางเรือมีราคาถูกลงในรูปของเงินบาท จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องจักรกล ทางการเกษตร
สำหรับปี 2563 หากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ ที่ประมาณ 30 บาทต่อดอลลาร์ ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาและรายได้จากการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร โดยคาดว่าหากค่าเงินบาทแข็งค่าเป็น 29 บาทต่อดอลลาร์ จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยลดลง 6.57% และทำให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคการเกษตรไทย (จีดีพีภาคเกษตร) ที่สศก.ประมาณการไว้ในปี 2563 ที่อัตรา 2-3%
นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยจะลดลง เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ราคาสินค้าไทยแพงกว่าคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือ ราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศลดต่ำลง เพราะสินค้าเกษตรไทยหลายตัว โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่พึ่งพาการส่งออกและราคาขึ้นอยู่กับตลาด ต่างประเทศ เช่น ข้าว และยางพารา