ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ภาคเช้าวันนี้(14 ม.ค.)ดัชนีปิดที่1,587.69 จุด เพิ่มขึ้น 1.53 จุด (+0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 31,884.30 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,592.84 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,585.33 จุด นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค จากความคาดหวังเชิงบวกผลเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังสหรัฐฯปลดจีนออกจากบัญชีรายชื่อประเทศบิดเบือนค่าเงิน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนเป็นบวก แต่สัญญาณตลาดฯยังระมัดระวังอยู่ เห็นได้จากหุ้นขนาดใหญ่ไม่ได้ฟื้นตัว มีเพียงหุ้นขนาดกลาง-เล็ก มองเก็งกำไรหุ้นที่ราคาลงไปนาน แต่ปัจจัยพื้นฐานหลายตัวยังมีความไม่แน่นอน ทำให้ Sentiment หุ้นขนาดกลาง-เล็กอาจทำให้ดัชนีฯยังไม่ผ่านแนวทดสอบ 1,590-1,600 จุด ทั้งนี้วันนี้ตลาดฯได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ภายหลังจีนยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันที่มีกำมะถันต่ำ (Low Sulfur Fuel Oil: LSFO) มองผลกระทบแล้วมีน้อย และเชื่อว่าผลประกอบการยังไม่ได้รับผลจากปัจจัยดังกล่าว จึงยังแนะนำหุ้น TOP และ SPRC ส่วนกลุ่มค้าปลีกวันนี้ให้จับตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจพิจารณามาตรการช้อป ชิม ใช้"เฟส 4 มาช่วยหนุน แต่ยังต้องระวังประเด็นการซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส ด้วยมูลค่าที่สูงอาจทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอซื้อประสบกับปัญหาการเงิน ซึ่งจะเป็นลบระยะสั้นต่อราคาหุ้นและผลประกอบการ ด้านกลุ่มสื่อสารราคาหุ้นยังไม่ไปไหนจนกว่าจะได้เห็นหน้าตาผู้เข้าประมูล 5G ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ดัชนีฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,585-1,595 จุด ประเมินความผันผวนหากดัชนีฯยังยืนเหนือ 1,580 จุดยังให้น้ำหนักไปในทิศทางฟื้นตัวขึ้น สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่ GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,965.87 ล้านบาท ปิดที่ 194.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท,BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,901.26 ล้านบาท ปิดที่ 2.84 บาท ลดลง 0.04 บาท,GPSC มูลค่าการซื้อขาย 1,442.09 ล้านบาท ปิดที่ 94.75 บาท ลดลง 1.00 บาท,BAM มูลค่าการซื้อขาย 1,402.44 ล้านบาท ปิดที่ 22.90 บาท ลดลง 0.30 บาท,AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,332.46 ล้านบาท ปิดที่ 75.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท