วันที่ 14 ม.ค.ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เผยแพร่แถลงการณ์พรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า ตามที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีพรรคการเมืองที่เคยมีการกู้ยืมเงินมาใช้ในกิจกรรมทางการเมืองของพรรค และผลการค้นข้อมูลย้อนหลังจากงบการเงินของพรรคการเมืองที่ส่งให้ กกต. ประจำปี 2556 ว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรคที่กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นมาใช้ในกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งได้มีการระบุชื่อพรรคชาติไทยพัฒนาด้วยนั้น ในกรณีนี้พรรคได้เคยแถลงไว้อย่างชัดเจนแล้ว เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2562 จึงจะไม่ขอชี้แจงให้ความเห็นถึงกรณีนี้ซ้ำอีก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิกร เคยออกแถลงการณ์ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันที่ 23 พ.ค.62 ถึงเรื่องดังกล่าวไว้ว่า นายนิกร จำนง ในฐานะผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่าพรรคชาติไทยพัฒนาได้มีการกู้เงินมาเป็นรายได้ของพรรคว่า ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคชาติไทยพัฒนานั้น ตั้งแต่ตั้งพรรคมาก็ไม่เคยกู้เงินผู้ใดมาเป็นรายได้ของพรรคเลย เอกสารที่นายปิยบุตรได้นำมาแถลงนั้นเป็นงบดุลเก่า ซึ่งระบุเกี่ยวกับเจ้าหนี้-เงินยืมทดรอง จากสาขาพรรคช่วงที่กองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองยกเลิกการสนับสนุนสาขาพรรค แต่กฎหมาย กำหนดให้สาขาพรรคนั้นต้องมีการแสดงค่าใช้จ่ายต่อไป กรรมการสาขาพรรคจึงต้องเป็นผู้ทดรองจ่ายเงิน ดังกล่าวไป ถือเป็นเจ้าหนี้ทางรูปบัญชีสะสมมาหลายปี ซึ่งทางพรรคได้มีการสำแดงในรูปบัญชีส่งให้ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองรับทราบอยู่ตลอดมา มิได้เป็นเงินรายได้จากการกู้ยืมแต่อย่างใด นายนิกร กล่าวอีกว่าตนเองได้ทำหน้าที่บริหารพรรคมากว่า 20 ปีในฐานะผู้อำนวยการพรรค ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคชาติไทยมาจนถึงชาติไทยพัฒนา ผ่านการการปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองมา หลายฉบับ แต่ก็ไม่เคยเห็นการกู้ยืมเงินของพรรคชาติไทยและพรรคชาติไทยพัฒนามาก่อน ซึ่งเนื่องจาก ทางพรรคเห็นว่า การกู้ยืมเงินมาใช้ในกิจการพรรคนั้นโดยหลักการและเจตนารมณ์ของการตั้งพรรคการเมืองนั้นไม่น่าจะกระทำได้ ดังนั้นแม้ว่าผู้บริหารของพรรคในอดีตจะมีฐานะการเงินดีพอที่จะให้ กู้เงินเพื่อมาใช้ในการบริหารพรรคและใช้จ่ายในการเลือกตั้งอย่างเพียงพอก็ตาม แต่ทั้งพรรคชาติไทยและ พรรคชาติไทยพัฒนาก็มิได้เคยดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใดเลย พรรคหารายได้โดยการขอรับบริจาคเงิน เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารพรรคตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดและจัดระดมทุนในช่วงที่มีการ เลือกตั้งตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายก็ตามที ด้วยเห็นว่าสอดคล้องทั้งหลักการของ พรรคการเมืองซึ่งเป็นสถาบันการเมืองของประชาชนและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย นายนิกร กล่าวว่า ตนไม่ขอให้ความเห็นต่อกรณีที่นายปิยบุตรได้กล่าวถึงพรรคเกี่ยวกับเรื่องที่ ไม่เป็นจริงนี้ เพราะไม่อยากให้เป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองในช่วงที่ประชาชนต้องการ ความสามัคคีปรองดองของพรรคการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง จึงขอสงวนความเห็นที่มีต่อการกระทำ ดังกล่าวไว้