วันที่ 13ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.ขอกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ร้องถูกแก๊งเพื่อนร่วมชาติอุ้มซ้อมรีดเงิน ว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 63 เวลาประมาณ 08.30 น. MR. CHENG JIN QUAN, MARK และ Mr. LEE YAO WEI, KIM ได้เดินทางจากประเทศสิงคโปร์ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์แท๊กซี่มาถึงสถานีบริการน้ำมัน ปตท.สุวินทวงศ์ เพื่อทำธุระ ต่อมาขณะที่ MR.MARK และ MR.KIM อยู่ริมถนนหน้าสถานีบริการน้ำมัน ได้มีคนร้ายจำนวน 3 คน ใช้รถยนต์กระบะสีดำ เป็นยานพาหนะ ขับมาและนำตัว MR. MARK และ MR.KIM ขึ้นรถยนต์คันดังกล่ว และพาไปบ้านพักแห่งหนึ่ง กลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันทำร้าย MR. MARK และ MR.KIM บังคับให้โอนเงินดิจิตอล(บิทคอย) ให้กลุ่มคนร้าย จำนวนประมาณ 6 เหรียญ (เหรียญละประมาณ 200,000 บาท) จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้พา MR.MARK ขึ้นรถยนต์มาบริเวณคลอง23 ต.ศีรษะกระบีอ อ.องครักษ์ จ.นครนายก มาข่มขู่เพื่อเรียกเอาทรัพย์สิน แต่ MR. MARK ขัดขืนคนร้าย และได้หลบหนีไปได้ และได้มาเจอมีพลเมืองดี นำตัวส่ง สภ.องครักษ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่ออีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าคนร้ายคือ MR. LEE YAO WEI, KIM (สัญชาติสิงคโปร์) เป็นผู้ร่วมในการกระทำความผิด และได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมผู้ต้องหาไว้แล้ว ตามหมายจับศาลจังหวัดนครนายกที่ จ.4/2563 ลง 12 ม.ค. 63 โดยกล่าวหาว่า ปล้นทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย , ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น , มีอาวุธปืนและครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ขณะนี้ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 ได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ทำการตรวจสอบ ขยายผล ว่ามีบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดดังกล่าวเพิ่มเติมหรือไม่ พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำและกำชับเรื่องการป้องกันอาชญากรรมของทุกกองบัญชาการในทุกพื้นที่ ไม่ให้มีเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยให้มีมาตรการเพิ่มความเข้มในการออกตรวจพื้นที่สุ่มเสี่ยง จุดล่อแหลม ธนาคาร ร้อนทอง ร้านสะดวกซื้อ ต่างๆ อีกทั้งการทำประวัติบุคคลเฝ้าระวัง การประชาสัมพันธ์ถึงภัยของมิจฉาชีพให้กับประชาชน รวมถึงการป้องกันเหตุดังกล่าว แต่ถ้าหากเกิดเหตุขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาได้โดยเร็ว และดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ เพื่อเยียวยาความเสียหาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุน หากผู้ใดมีข้อมูลเบาะแส ในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) โทร.1599 หรือ สภ.องครักษ์ โทร. 037-391-301 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง