เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 12 ม.ค.63 ที่วัดบางเจริญ ม.3 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพ นางสาวนพมาศ เงินยางแดง หรือน้องใบตอง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 220/3 ม.3 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต คณะมนุษย์ศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ปีที่ 1 ซึ่งถูกลูกหลงคนร้ายใช้มีดแทง เข้าหัวใจ เหตุเกิดภายในงานเทศกาลปีใหม่ ที่สะพานสารสิน ใกล้ สภ.ท่าฉัตรไชย เหตุเกิดในคืนวันที่ 5 ม.ค.63 โดยญาติได้นำศพกลับมาที่บ้านท่ามกลางความตกตลึงและเสียใจ เพื่อบำเพ็ญกุศลไปแล้วจำนวน 7 คืน และในวันนี้ จะมีพิธีประชุมเพลิง แต่จากการประชุมร่วมกัน ญาติลงมติไม่ให้เผา น้องใบตอง จนกว่าคดีจะคืบหน้า
นางจันทิมา เงินยางแดง แม่นางสาวนพมาศ หรือน้องใบตอง พร้อมด้วย นายศุภฤกษ์ เงินยางแดง พ่อ นางลัดดาวัลย์ นาคใหม่ ยาย และ นายสมชาย นาคใหญ่ ตา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว และรับศพน้องใบตองกลับมาช่วยกันจัดงานศพ ที่ไชยราช แต่มาถึงขณะนี้ญาติได้มีมติไม่เผาศพต้องการเก็บศพไว้ก่อน เพราะยังไม่ทราบความคืบหน้าของคดีเลย โทรไปหาร้อยเวรก็ติดต่อไม่ได้ จึงเกิดความกังวลใจมาก อีกทั้งร้อยเวรก็ไม่เคยติดต่อมาหา จึงมีแต่ความเงียบเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
แม่น้องใบตอง กล่าวอีกว่า น้องใบตอง เป็นคนมีนิสัยร่าเริง เป็นที่พึ่งของครอบครัว เรียนเก่ง โดยในขณะเรียนหนังสือ ยังพยายามขายของผ่านออนไลน์ เพื่อหาเงินเรียนเอง ส่วนหนึ่งได้นำมาจุนเจือครอบครัว เด็กๆในชุมชนจะรักมาก การที่น้องใบตองได้จากไปเพราะไปถูกลูกหลงจนเสียชีวิต และคดีไม่มีความคืบหน้า ญาติจึงมีมติร่วมกันจะไม่เผา โดยให้หน่วยกู้ภัยบางสะพานน้อยกุศลสงเคราะห์ นำร่างไปเก็บไว้ในโลงเย็น จนกว่าคดีจะคืบหน้า และต้องการให้ผู้กระทำถูกลงโทษจนถึงที่สุด
“ น้องใบตองเป็นคนโต เป็นที่รักของครอบครัว ซึ่งได้ฝากความหวัง ฝากชีวิตไว้กับเขา เพราะเชื่อว่าเขาเป็นคนเรียนเก่ง เมื่อโตไปเขาจะต้องมีอาชีพก้าวหน้าในอาชีพได้ดี แต่ขณะนี้สภาพจิตใจครอบครัวแย่มากมาก นั่งอยู่ก็ต้องร้องให้ออกมา เสียใจมาก จึงต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หนูขอความวิงวร ขอความเมตาเถอะ ขอให้ช่วยด้วย “นางจันทิมา แม่น้องใบตอง กล่าว
นายนันทปรีชา คำทอง ผู้ประสานงานเครือขายภาคประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ญาติมีมติต้องการเก็บศพน้องใบตองไว้ก่อน เพื่อให้คดีมีความคืบหน้า เพราะเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตนเองพร้อมกับญาติจะไปติดตามความคืบหน้าของคดีที่จังหวัดภูเก็ต เตรียมเข้าร้องเรียนกับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรภูเก็ต เพื่อขอความเป็นธรรม นอกจากนี้จะเข้าพบศูนย์ยุติธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทรวงยุติธรรม ให้ประสานงานกับยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอรับการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป