พาณิชย์เชิญตัวแทนผู้ค้าขยะรีไซเคิลหารือ กำหนดแนวทางช่วยเหลือกลุ่มพ่อค้าซาเล้งและผู้ค้าของเก่า หลังเศษกระดาษตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 30-50 สตางค์ จากปกติกิโลกรัมละ 5-6 บาท เมื่อวันที่ 9 ม.ค.63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานในการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการนำเข้าเศษกระดาษ โดยมีกลุ่มพ่อค้าซาเล้ง รถปิกอัพ ร้านรับซื้อของเก่าจากทั่วประเทศประมาณ 300 คน คอยติดตามผลการหารืออยู่ด้านนอกร่วมกับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษและผู้ค้าและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกระดาษทั้งระบบ ทั้งกลุ่มพ่อค้าซาเล้งและผู้ค้าของเก่า กลุ่มธุรกิจซื้อ-ขายขยะคัดแยก กลุ่มธุรกิจแปรรูปกระดาษก้อน และโรงงานผลิตกระดาษสำเร็จรูป โดยอยากให้ราคาขยับขึ้นไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3 บาท ปัจจุบันเหลือกิโลกรัมละ 30-50 สตางค์ จากปกติกิโลกรัมละ 5-6 บาท ทั้งนี้ได้ข้อสรุปให้ทุกฝ่ายในวงจรของอุตสาหกรรมกระดาษไปหาราคาซื้อขายตั้งแต่ร้านรับซื้อจากกลุ่มซาเล็งก่อนจะไปโรงงานกระดาษก้อน หรือโรงงานแปรรูปว่าควรจะเป็นเท่าไหร่ ให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อเป็นแนวทางกำหนดราคารับซื้อระหว่างกันให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนระยะยาว มอบให้กรมการค้าต่างประเทศไปติดตามสถานการณ์การนำเข้าอย่างใกล้ชิด และหากพบการนำเข้าผิดปกติจนกระทบอุตสาหกรรมในประเทศให้พิจารณาใช้มาตรการปกป้อง หรือ Safeguard สินค้ากระดาษ ซึ่งแนวโน้มการนำเข้าเพิ่มขึ้น โดยปี 2562 มีการนำเข้าขยะเศษกระดาษปริมาณ 1.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 1. 6 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม เพื่อต้องการให้เกิดความรอบคอบ เพราะความต้องการใช้เศษกระดาษในประเทศมีสูงถึง 4 .6 ล้านตันต่อปี แต่ไทยมีขยะกระดาษเพียง 2.9 ล้านตัน ทำให้ยังต้องนำเข้า ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาตกต่ำนั้น ไม่ใช่เพียงการนำเข้ากระดาษเพิ่มขึ้น แต่เป็นไปตามราคาตลาดโลกเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังฝากให้กรมศุลกากรเข้มงวดการนำเข้าขยะให้เป็นไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกันมอบให้ร้านรับซื้อของเก่าหาแนวทางขึ้นทะเบียนร้านค้า รวมถึงซาเล้งในเครือข่าย เพื่อให้เป็นระบบและสามารถดูแนวทางการเข้าไปช่วยเหลือได้ระยะยาว สำหรับขยะมีการแบ่งเป็นหลายกลุ่มเช่น ขยะเทศบาลจากบ้านเรือนห้ามนำเข้าแล้ว ขยะพลาสติกอนุญาตนำเข้ามารีไซเคิลและใช้ในอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก ขยะอิเล็กทรอนิกส์กำลังอยู่ในกระบวนการห้ามนำเข้า และขยะเศษกระดาษที่กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำขณะนี้