ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง อดีตรมว.ศึกษา เผยบทความระบบเศรษฐกิจไทย เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2563 ระบุว่า...
1) ในปี 2562 ระบบเศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตต่ำมากเพียง 2.4% ต่ำกว่าประเทศในอาเซี่ยน (ASEAN) ซึ่งเติบโต 6.5% ขึ้นไป (เว้นสิงคโปร์) ทั้งนี้ได้นับรวมผลจากสงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐกับจีนแล้ว
2) ส่วนต่างอัตราเติบโตของ GDP ไทย จาก ASEAN มากถึง 4 percentage point นั้นเนื่องมาจากปัญหาภายในประเทศไทยเอง คือ (ก) ความไม่เชื่อมั่นในผู้บริหารประเทศ และปัญหา 2 มาตรฐานในขบวนการยุติธรรม (ข) รัฐบาลใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจตรงข้ามกับที่ควรจะเป็น นโยบายการคลังจะมีผลน้อยในการฟื้นระบบเศรษฐกิจที่เติบโตช้า รัฐบาลต้องใช้นโยบายการเงิน และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อ GDP มากกว่า เข้าช่วยด้วย (ดูรูปที่ 1)
3) การที่รัฐบาล ปล่อยปริมาณเงินบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจน้อยเกินไป เหมือนปล่อยน้ำจากเขื่อนเข้าสู่ไร่นาน้อยเกินไป ทำให้ได้ผลผลิตน้อย และต้นทุนสูง หรืออาจเปรียบได้กับการมีน้ำน้อยเกินไปในบ่อปลา (ดูรูปที่ 2 ทฤษฎีบ่อปลา) ทำให้ปลาไม่เติบโต และเมื่อมีปริมาณเงินบาทน้อยเกินไปในระบบเศรษฐกิจ ก็ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเรื่อยๆ เทียบกับเงินต่างประเทศ จึงทำให้สินค้าส่งออกและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลง ทำให้ลดการผลิต ลดการลงทุน รายได้ประชาชน และรายได้รวม (GDP) จึงตกลงมาก
4) รัฐบาลสามารถแก้ไขความเจริญเติบโตต่ำ โดยเพิ่มปริมาณเงินบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงด้วย ด้วยการ (ก) ใช้เงินบาทอิเล็กทรอนิคส์ ซื้อพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจในตลาดรอง ออกไปอยู่กับแบงค์ชาติ (Quantitative Easing: QE) (ข) ยุติการออกพันธบัตรแบงค์ชาติมาขายในตลาดเงิน ที่ออกปีละ 4 ครั้ง ครั้งละ 4-60,000 ล้านบาท เพราะยิ่งทำให้ปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจลดลงไปอีก (ค) ให้เปลี่ยนนโยบายการเงิน จากการควบคุมเงินเฟ้อ (Inflation targeting) มาเป็นการดูแลค่าเงินบาทให้แข่งขันได้ (Exchange rate targeting) แบบสิงคโปร์
5) ควรปล่อยให้ประเทศไทยมีระบบประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน อย่างแท้จริง และควรฟื้นฟูระบบความยุติธรรมในสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโลก ทั้งนี้เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโต มีความมั่งคั่ง และประชาชนอยู่ดีมีสุข
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง อดีตรมว.ศึกษา 4 มกราคม 2563