นายมานัส ทารัตน์ใจ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมขับเคลื่อนแผนการอุปถัมภ์คุ้มครองศาสนาต่างๆ ภายใต้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 49/2559 ว่า ศน.ได้เชิญหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องมาหารือถึงการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนฯให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยได้ข้อสรุปว่าให้หน่วยงานที่มีภารกิจรับผิดชอบตามแผนฯรายงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของสงฆ์ การศึกษาสงฆ์ ศาสนวัตถุ ศาสนสมบัติกลาง รวมถึงการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ไปยังสำนักงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ส่วนกิจกรรมที่เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ของทั้ง 5 ศาสนา ได้แก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม ซิกข์ และพราหมณ์ -ฮินดู ให้รายงานที่ ศน. ทั้งนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนงานเป็นรูปธรรมตามเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้รับทราบแผนการจัดกิจกรรมขับเคลื่อนแผนฯของแต่ละศาสนาที่ดำเนินการไปบางส่วนแล้ว เช่น การอบรมผู้นำศาสนา การอบรมผู้สอนศาสนา เป็นต้น อธิบดี ศน.กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้รับฟังข้อสังเกตที่เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนแผนฯ ของหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการคลัง ให้ข้อสังเกตเรื่องที่แผนฯกำหนดให้ลดหย่อนภาษีแก่ผู้บริจาคเงินอุปถัมภ์ศาสนา และศาสนสถาน 2 เท่า ว่า ควรยกเว้นภาษีแค่ 1 เท่าเช่นเดิม เพราะดีอยู่แล้วและเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ได้ส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบแล้ว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะในการทำงาน โดยเฉพาะการตั้งโรงเรียนสอนศาสนา หรือการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนศาสนา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า อยากให้ศน.และพศ.ได้ประสานกันอย่างใกล้ชิดกับผู้นำศาสนาเพราะถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไม่ควรที่จะทำเอง แต่ควรเกิดจากความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเรื่องนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ส่งความเห็นไปยังครม.แล้วเช่นกัน และในเร็วๆนี้ ศน.จะเชิญผู้นำองค์การศาสนาต่างๆมาประชุม เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนแผนฯอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ที่ประชุมจะสรุปผลการประชุมทั้งหมดนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้