เมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ “ดวงเมือง” นับเป็นอีกเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ ล่าสุด “โหรภิญโญ” หรือ นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ได้เปิดเผยเรื่อง “ดวงเมือง ปี 2563” กับสยามรัฐว่า ในปี 2563 ตอนนี้ดวงเมืองอายุย่าง 238 ปี โดยจะอายุเต็ม 238 ปี ในวันที่ 21 เมษายน 2563 ภาพรวมของปี 2563 จะมีดาวที่มีความสัมพันธ์กับดวงเมืองหลายดวง คือ ดาวมฤตยู ดาวราหู ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์และอื่นๆ ดาวแต่ละดวงต่างส่งผลกระทบและมีอิทธิพลต่อดวงเมืองแตกต่างกัน
เริ่มด้วย “ดาวมฤตยู” หรือ ยูเรนัส ซึ่งกำลังโคจรอยู่ราศีเมษ ในหนึ่งปีดาวมฤตยูโคจรได้ประมาณ 4-5 องศาเท่านั้น ดังนั้น ในหนึ่งราศีดาวมฤตยูจะใช้เวลายาวนานถึง 7 ปี ซึ่งที่ผ่านมาดาวมฤตยูได้เข้าสู่ราศีเมษตั้งแต่ปี 2557 และจะออกจากราศีเมษสู่ราศีพฤษภในปี 2565 การที่มฤตยูย้ายเข้าราศีเมษทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เริ่มด้วย คสช.ยึดอานาจ อันเนื่องมาจาเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้น มีการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่นๆ และนำความสูญเสียมาสู่ชาติบ้านเมือง ขณะเดียวกันก็ส่งผลดี ทำให้มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น ดังนั้นในปี 2563 ดาวมฤตยูยังโคจรอยู่ในราศีเมษตลอดปีจึงยังคงมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจและสังคม ส่วนเปลี่ยนแปลงจะรุนแรงไหม และเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ต้องดูดาวดวงอื่นๆด้วย
* “ราหูค้นทรัพย์” สะเทือนคลัง – ตุลาอาถรรพ์
ถัดมาคือ “ดาวราหู” ในปี 2563 การพิจารณาดาวราหู แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ 1.ช่วงเวลาที่ราหู(8) โคจรในราศีมิถุน (ช่วงระหว่าง วันที่ 1 มกราคม 2563 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 10 กันยายน 2563 เวลา 02.51 น. ช่วงหนึ่ง) 2.ช่วงเวลาที่ราหู(8) โคจรในราศีพฤษภ(ช่วงระหว่าง วันที่ 10 กันยายน 2563 เวลา 02.51 น. ถึงวันสิ้นปี คือ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เวลา 24.00 น. อีกช่วงหนึ่ง)
ช่วงแรก – ดาวราหูอยู่ตรงราศีมิถุนภพสหัชชะ (ระหว่างนี้ -10 ก.ย.63) เป็นช่วงที่ดาวราหูจะมีพลังมาก จึงเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะมีการทุ่มเงินจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีการร่วมลงทุนกับต่างชาติ ในเรื่องของการคมนาคม การติดต่อสื่อสาร เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน แต่ประการสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว ดาวราหูได้เล็งกับดาวพฤหัสและดาวเสาร์ จึงอาจเกิดการเผชิญหน้า เกิดความขัดแย้ง การท้าทาย การต่อรอง การดึงและดันกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเกิดสงครามเศรษฐกิจ สงครามทางการค้า ที่มีการพยายามที่จะถ่วงดุลกันในระดับนานาชาติ สำหรับประเทศไทยจึงควรรักษาดุลระหว่าง “จีน” กับ “สหรัฐ” อย่างไรก็ตามการดึงและดันในบางครั้งก็สำคัญต่อการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศด้วย เพราะในบางครั้งอาจจะเกิดการเลือกข้างขึ้นมา เพราะฉะนั้นก็ควรเลือกให้เหมาะสม ถือเป็นวิเทโศบายการต่างประเทศของไทยให้เหมาะสม
ช่วงที่สอง – ดาวราหูเข้าราศีพฤษภ (10 ก.ย.63 –31 ธ.ค.63) ราศีพฤษภ เป็นภพกดุมพะ (ทรัพย์สินเงินทอง) ในทางบ้านเมืองหมายถึง เศรษฐกิจ การเงิน การคลัง งบประมาณ เศรษฐทรัพย์ การที่ราหูเข้าภพสองนี้เรียกว่า “ราหูค้นทรัพย์” นั่นหมายถึง การค้นเอาเงินงบประมาณ รายได้ ผลประโยชน์ที่สะสมไว้เอาไปใช้จ่ายอย่างมากมาย มีเท่าไหร่ก็ค้นเอาใช้จนหมดสิ้น ซึ่งเกิดประโยชน์บ้างไม่เกิดประโยชน์บ้าง ทำให้ฐานะการเงินติดขัดบ้าง แต่เมืองไทยยังดีอย่างเพราะมีทรัพย์ให้ค้น ค้นเท่าไหร่ก็มีรายได้เข้ามา เพราะฉะนั้นจึงใช้จ่ายงบประมาณอย่างสุรุ่ยสุร่ายไม่เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ตามหลักโหราศาสตร์ “ราหู คือตัว มอดสัตวา คอยกัดกินให้สูญสิ้นส่วนทั้งหลาย” คือ ราหูไปอยู่ตรงไหนก็เบียนตรงนั้น แต่ก็ยังพอมีให้เบียน เพราะราหูมาจากเรือนลาภะด้วย ลาภะ หมายถึง รายได้ การจัดเก็บภาษีอากร เพราะฉะนั้นแม้จะได้เงิน ผลประโยชน์มาก็ใช้จ่ายหมด เหตุที่ใช้หมดเพราะราหูในดวงกำเนิด หรือดวงพระฤกษ์กรุงรัตนโกสินทร์ที่ใช้ฝังเสาหลักเมืองสถิตอยู่ในภพวินาศ ที่แปลว่า เสียหาย เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจการเมืองการคลังหลัง 10 ก.ย.63 ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ประกอบราศีพฤษภตกอยู่ในเรือนของพระศุกร์ ซึ่งหมายถึง การเงิน การคลัง ดังนั้น ยังอาจจะกระทบกระเทือนไปถึง เศรษฐกิจ การเงิน การคลัง สถาบันการเงิน ธนาคาร กองทุนด้วย อย่างไรก็ตามคงจะไม่ร้ายแรงมาก แต่จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบกระเทือนไปด้วย จึงควรดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง
มาถึง “ดาวอังคาร” ดาวแห่งสงคราม อุบัติเหตุ อุบัติภัย ภัยธรรมชาติ และความรุนแรง ซึ่งในปี 2563 ในช่วงแรกดาวอังคารจะโคจรเป็นปกติ แต่ช่วงที่น่าจับตามอง คือช่วงที่ดาวอังคารเกิดโคจรวิปริตในราศีเมษและราศีมีนที่เรียกว่า “ถอยหลัง” หรือภาษาโหรเรียกว่า “พักร์” ซึ่งการถอยหลังครั้งนี้จะเป็นการ “พักร์ราศี” หมายถึง “ถอยหลังข้ามราศี” ข้ามจากราศีเมษไปสู่ราศีมีน (8 ก.ย.63 – 26 พ.ย.63) ช่วงพระอังคารถอยหลังและช่วงอังคารเพ็ญนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะจุดกึ่งกลางของการ”เพ็ญพักร์” คือวันที่ 15 ต.ค.63 เกิดอังคารสัมพันธ์มฤตยูและจุดตั้งรับสำคัญในดวงเมือง จึงอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่รุนแรงเกิดขึ้นได้ อาจเกิดเกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัย ภัยธรรมชาติ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญได้ โดยครอบคลุมไว้ในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของการ”เพ็ญพักร์” ดังกล่าวแล้ว
* จับตา “ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น”
มาถึงดาวที่เป็นหัวใจและสำคัญที่สุดในปี 63 คือ “ดาวพฤหัส” กับ “ดาวเสาร์” ซึ่ง “โหรภิญโญ” กล่าวว่า ในปี 63 เป็นปีที่แปลก เป็นปีที่ “ดาวพฤหัส” กุมกับ “ดาวเสาร์” (ในราศีธนู) เล็งกับ ดาวราหู (ในราศีมิถุน) และยังทำมุมตรีโกณกับดาวอังคารและดาวมฤตยู ในบางห้วงเวลาซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะไม่ใช่ดาวพฤหัสกับดาวเสาร์กุมกันตามลำพัง คือ มีดาวอื่นโคจรมาทำมุมสัมพันธ์ถึงด้วย ทั้งมุมเผชิญหน้า มุมสนับสนุน และมุมส่งเสริม โดยในส่วนของ “ดาวพฤหัส” ในทางโหราศาสตร์พระพฤหัสถือว่าเป็นประธานฝ่ายศุภเคราะห์ เป็นพระเคราะห์ที่ให้คุณมากกว่าให้โทษ ดังนั้น ช่วงแรก คือ ช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสบดี(5)โคจรในราศีธนู (ช่วงระหว่าง วันที่ 1 มกราคม 2563 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 17 มีนาคม 2563 เวลา 20.55 น.ช่วงหนึ่ง และช่วงเวลาระหว่างวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 เวลา 18.54 น. ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 เวลา 02.50 น. อีกช่วงหนึ่ง) และช่วงที่สอง คือ ช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสบดี(5)โคจรในราศีมังกร (ช่วงระหว่าง วันที่ 17 มีนาคม 2563 เวลา 20.55 น. ถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 เวลา 18.54 น. ช่วงหนึ่ง และอีกช่วงหนึ่ง คือ ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 เวลา 02.50 น. ถึงวันสิ้นปี คือ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เวลา 24.00 น. อีกช่วงหนึ่ง)
ปี 2563 ดาวพฤหัสบดีโคจรอยู่ในธนูในภพที่ 9 และราศีมังกรในภพที่ 10 ของดวงเมืองไทย ซึ่งลัคนาเมืองของไทยอยู่ในราศีเมษ บ้านเมืองของเราก็น่าจะสงบร่มเย็นยังดีอยู่ช่วงหนึ่ง ดาวพฤหัส จรอยู่ในราศีธนู กิจการที่เกี่ยวกับ ศาสนา การศึกษา แพทย์ กฎหมาย การคมนาคม รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะมีความมั่งคงเป็นบึกแผ่น มั่นคงดีขึ้น แต่ยังมีดาวอีกดวงที่เป็นตัวแปรสำคัญ คือ “ดาวเสาร์” ซึ่งในปี 63 จะโคจรเคียงคู่กับดาวพฤหัสอยู่ในราศีเดียวกัน คือ ราศีธนูและราศีมังกร โดยดาวเสาร์มีการโคจรดังนี้
ช่วงแรกคือ ช่วงเวลาที่ดาวเสาร์(7)โคจรในราศีธนูภพศุภะ(ช่วงระหว่าง วันที่ 1 มกราคม 2563 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2563 เวลา 08.41 น. ช่วงหนึ่ง และช่วงเวลาระหว่าง วันที่ 12 กรกฎาคม 2563 เวลา 22.07 น. ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2563 เวลา 08.42 น. อีกช่วงหนึ่ง) และช่วงที่สอง คือ ช่วงเวลาที่ดาวเสาร์(7)โคจรในราศีมังกร(ช่วงระหว่าง วันที่ 2 มีนาคม 2563 เวลา 08.41 น. ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 เวลา 22.07 น.ช่วงหนึ่ง และช่วงเวลาระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2563 เวลา 08.42 น. ถึงวันสิ้นปี คือ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เวลา 24.00 น. อีกช่วงหนึ่ง)
การกุมกันครั้งยิ่งใหญ่ 3 ครั้ง ของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ภายใต้ราศีธนูและราศีมังกรในปีนี้ถือว่า สำคัญมาก เราเรียกว่ากุมกันของ “พฤหัสกุมเสาร์” หรือ “เสาร์กุมพฤหัส”ว่าเป็น “ดาวคู่แห่งการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย” ทั้งนี้เพราะดาวพฤหัสบดีเป็นดาวประธานฝ่ายศุภเคราะห์ดังกล่าวแล้ว ส่วนดาวเสาร์ เป็นดาวประธานฝ่ายบาปเคราะห์ เป็นดาวที่ให้โทษมากกว่าให้คุณ แสดงถึงอุปสรรค เหนื่อยยาก ต้องต่อสู่ ดิ้นรน ต้องใช้เวลา ดาวเสาร์ยังเป็นตัวแทนของ “มหาชน คนส่วนใหญ่” ในที่นี่ก็คือ “ชนชั้นล่าง คนจน” เพราะฉะนั้นการขับเคลื่อนจึงต่างกัน การขับเคลื่อนของพระเสาร์เหมือนกับการนำพามหาชนคนหมู่มากขับเคลื่อนไปด้วย และจากการที่ดาวเสาร์ที่คู่กับดาวพฤหัส จึงเป็นไปได้ว่าในห้วงเวลาเดียวกันดังกล่าวจะทำให้เกิดภาพของการเปรียบเทียบระหว่างสองขั้วใหญ่ โดยดาวพฤหัสคืนชนชั้นสูง คนมีการศึกษา คนรวย ส่วนดาวเสาร์เป็นชนชั้นล่าง คนยากจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างสองขั้วที่ชัดเจน เมื่อภาพปรากฏชัดเจนขึ้นจึงเกิดการ “อยากจะเปลี่ยนแปลง”เพื่อให้เกิดการประสมกลมกลืน ปรับตัวเข้าหากัน จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยเกิดขึ้น
ช่วงเวลาที่น่าสนใจได้แก่ ช่วงแรก – ดาวเสาร์กุมดาวพฤหัสในราศีธนูภพศุภะของดวงเมือง ศุภะ แปลว่า ความดี ช่วงเวลาดังกล่าวนี้รัฐจะให้ความสนใจ เอาใจใส่และพัฒนา คนจน ผู้สูงอายุ อาวุโส พัฒนาโครงสร้างสำคัญๆ ส่วนช่วงที่สอง – ดาวเสาร์กุมดาวพฤหัสในราศีมังกรภพกัมมะ ซึ่งเป็นเรือนชะตาที่ 10 ของดวงเมือง ซึ่งหมายถึง การผู้บริหารราชการแผ่นดิน ผู้บริหารราชการแผ่นดินคือ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี
ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2563 จะเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยมีการปรับ ครม. อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ติดตามมาในกลางปีและปลาย ปี 2563
* ปรากฏการณ์ The Great Conjunction 2020 สัญญาณการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยที่อันตราย
ในปี 2563 เกิดการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้าครั้งสำคัญ คือ การกุมกันครั้งยิ่งใหญ่ 3 ครั้ง ของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ภาษาโหรเรียกว่า The Great Conjunction 2020 คือดาวพฤหัสโคจรเดินหน้าและถอยหลัง ดาวเสาร์โคจรเดินหน้าและถอยหลัง ทำให้เกิดการกุมกัน (ระยะองศาเท่ากัน) เป็นการกุมกันครั้งยิ่งใหญ่ถึง 3 ครั้ง และเมื่อเช็คปฏิทิน สุริยยาตร์ 2563 มีดังนี้ ครั้งที่ หนึ่ง 1 เม.ย. 63, ครั้งที่สอง 23 ก.ค.63, ครั้งที่สาม 20 ต.ค.63 ปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ 397 ปีก่อน ในแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม สมัยอยุธยา ซึ่งเมื่อเข้าไปศึกษาพบว่า ศาสนารุ่งเรือง (เนื่องจากพระเจ้าทรงธรรม เป็นพระมหากษัตริย์ที่สึกออกมาครองราชย์) แต่การทหารกับการเมืองเป็นปัญหา โดยในห้วงเวลานั้นได้เสียทวายให้แก่พม่า ส่วนอาณาจักรเขมรซึ่งเป็นประเทศราชก็แยกตัวเป็นอิสระ และล้านช้างก็แยกตัวเป็นอิสระด้วย ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตามการซ้อนทับจริงๆบนท้องฟ้าของ ดาวพฤหัสกับดาวเสาร์ ซึ่งมีองศาที่เท่ากัน ระนาบการโคจรเป็นระนาบเดียวกัน เมื่อมองไปจากโลกจะเห็นการซ้อนทับกัน เหลื่อมกันแค่ 1 ลิปดา คือวันที่ 21 ธ.ค.63 เกิดซ้อนทับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตรงราศีมังกร ซึ่งเป็นเรือนชะตาที่ 10 ของดวงเมือง หมายถึง นายกรัฐมนตรี ครม. การบริหารราชการแผ่นดิน เพราะฉะนั้นก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ดังนั้น จึงควรระวังถึงระวังเป็นอย่างมาก อย่าให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
โหรภิญโญกล่าวอีกว่า “นักโหราศาสตร์ได้มีมุมมองว่า เมื่อรู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เราก็น่าจะชิงเปลี่ยนเสียก่อน โดยให้เปลี่ยนแปลงไปในแนวทางที่ดี โดยเปลี่ยนแปลงปฏิรูปในส่วนที่เห็นจากภาพปรากฏบนท้องฟ้า เช่น การที่เราเห็นภาพปรากฏดาวพฤหัสกุมกับดาวเสาร์ครั้งยิ่งใหญ่ เราก็น่าจะสามารถทาให้เกิดการผสมกลมกลืนได้ ด้วยการลดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย การลดช่องว่างเรื่องของการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมถึงความเหลื่อมล้ำในทุกๆด้าน รัฐน่าจะฉวยโอกาสนี้ชิงเปลี่ยนเสียก่อน คือถ้าปล่อยให้เปลี่ยนไปตามธรรมชาติ อาจจะเกิดความรุนแรง แต่ถ้ารัฐชิงเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส การพัฒนาประเทศก็จะเปลี่ยนไป ไปสู่ทิศทางที่เราคาดหวังไว้ ก็น่าจะเป็นคุณกับบ้านเมือง”
หากเราจะศึกษาย้อนรอยประวัติศาสตร์ของดาวเสาร์ในราศีมังกรภพที่ 10 ของดวงเมือง พบว่าเสาร์จรในราศีนี้ภพนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นทุกครั้ง รอบที่แล้ว พ.ศ.2535 เกิดวิกฤตการณ์พฤษภาทมิฬ ย้อนรอยรอบถัดไป พ.ศ.2505 เกิดการสู้รบกันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐระหว่างกองทัพปลดแอกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกับรัฐบาล(วันเสียงปืนแตก) ย้อนรอยรอบถัดไป พ.ศ.2475 เกิดการปฏิวัติสยาม 24 มิถุนายน 2475
“ หากเราจะศึกษาย้อนรอยไปในรอบ การปฏิวัติในครั้งที่สาม เมื่อปี 2475 ดาวเสาร์อยู่ในราศีมังกร ดาวพฤหัสอยู่ในราศีกรกฎ มีมุมสัมพันธ์ในภาวะที่เล็งกันจึงเกิดการเผชิญหน้า จึงทำให้มีการยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง แต่คราวนี้ ดาวเสาร์กับดาวพฤหัสอยู่ด้านเดียวกันหรือกุมกัน ก็น่าที่จะมีการผสมผสานกลมกลืนกัน เพราะฉะนั้น ดังที่กล่าวในข้างต้น คือ ควรเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส การผสมกลมกลืนครั้งนี้อาจจะนามาสู่ “การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบอบใหม่” ที่เกิดจากการผสมกลมกลืนกันก็ได้ ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน หรือ เกิดการปกครองในรูปแบบที่ผสมกลมกลืนเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างคนรวยกับคนจน คนส่วนใหญ่กับคนส่วนน้อย ซึ่งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและเข้าสู่ดุลภาพที่เหมาะสมอันเป็นการผสมผสาน แต่ถ้าขืนปล่อยให้เกิดการแปลงขึ้นเองก็จะนำมาซึ่งความยุ่งยาก เพราะฉะนั้นรูปแบบใหม่ที่คาดหวังก็น่าจะเกิดจากการผสมกลมกลืนระหว่างขั้วของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ คือ ( “ระหว่าง .... กับ .....”)” โหรภิญโญ กล่าว
นายกสมาคมโหรนานาชาติ ยังกล่าวถึงเรื่องอุบัติภัยว่า “ในปี 2563 จะมีอุบัติเหตุ อุบัติภัยเกิดขึ้นมากและรุนแรง โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ เมษายน ตุลาคม ระวังให้มาก เนื่องจากดาวอังคารกุมดาวมฤตยูบอกถึงภัยอาเพศ อีกทั้งยังกุมในราศีธาตุไฟ ดังนั้น จึงควรระวังในเรื่องของ อัคคีภัย ความร้อน ภัยแล้ง ขณะที่ดาวพฤหัสกุมกับดาวเสาร์ ในราศีธาตุไฟและราศีธาตุดินยิ่งทาให้เห็นภาพของภัยพิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่าง แผ่นดินถล่ม แผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว นอกจากนี้ตามคัมภีร์โลกธาตุ ยังระบุอีกว่า “เมื่อไหร่ที่ดาวพฤหัส ดาวเสาร์โคจรมากุมกัน โลกจะวุ่นวายโกลาหล เกิดความยุ่งเหยิง เกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัย แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด” คราวนี้ ยังมีราหูโคจรมาเล็งและยังมีมุมสัมพันธ์ถึงมฤตยูและอังคารด้วย จึงควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
โหรภิญโญ ฝากถึงประชาชนว่า “ในปี 2563 ให้อยู่อย่างระมัดระวัง รอบคอบไม่ฟุ้งเฟ้อ มองภาพปีหน้าแล้ว ราหูก็ค้นทรัพย์ อังคารมฤตยูก็ค้นตัว(ทับลัคน์) พฤหัสเสาร์ก็กุมกัน เพราะฉะนั้น ประการแรก-จิตต้องเข้มแข็ง กำลังใจสำคัญ ประการที่สอง-เมื่อมีพลังแล้วก็ต้องมีความเพียร หรือที่เรียกว่า ‘วิถีแห่งวิริยานุภาพ’ เพราะความเพียรจะนำไปสู่ความสาเร็จ แต่ต้องเพียรในสิ่งดีงามและตรงกับเป้าหมาย ประการสำคัญคือความเพียรพยายามนั้นต้องอยู่ในห้วงเวลาที่เหมาะสมคือถูกกาละเทศะ ก็จะเอาตัวรอดได้ ขอให้ทุกท่านปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุข เอาตัวรอดได้ตลอดปี 2563 และตลอดไปด้วย”