ปี 2562 ที่กำลังจะผ่านไป พร้อมกับหลากหลายเรื่องราว แต่ขณะเดียวกันหลากหลายปัญหายังคงอยู่เดิมไม่ไปไหน ทีมข่าวได้รวบรวมเหตุการณ์เรื่องราวน่าสนใจในแวดวงกทม.โดยจัดเป็น 5 อันดับ แน่นอนว่าอันดับหนึ่ง ต้องเรื่องนี้... 2 วัน 2 คนลาออกฟ้าผ่า! เป็นข่าวที่สร้างความตกใจไปทั้งเสาชิงช้า ด้วยเป็นการลาออกอย่างกะทันหัน ของรองผู้ว่าฯกทม. จักกพันธุ์ ผิวงาม ที่มีภาพชินตากับการทำงานขาลุยลงพื้นที่ไม่มีหยุดหย่อน ไม่เว้นวันหยุดราชการ และลุยงานกระทั่งเช้าจรดค่ำ ที่สำคัญทั้งที่ก็จะใกล้จะเกษียณอยู่รอมร่อ แต่กลับขอลาก่อนไม่อยู่ต่อโดยไม่มีการส่งสัญญาณล่วงหน้าเลยสักนิด ท่ามกลางข่าวลือกันหนาหูว่าเป็นเพราะพิษโครงการเตาเผาขยะฉาวกว่าหมื่นล้านของกทม. ที่ถูกบีบให้เซ็นแต่ไม่ยอมเซ็น และตามมาติดๆ กันหลังรองฯจักกพันธุ์ ปรากฏรองผู้ว่าฯกทม.อีกราย ทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ก็ยื่นใบลาออกกะทันหันเป็นคนที่ 2 เจ้าตัวว่าเป็นการตัดสินใจกะทันหัน และลาออกทันทีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยให้เหตุผลว่า ทำงานมามากพอแล้ว อีกทั้งงานที่ได้รับมอบหมายก็ไม่ตรงกับสายงานที่ถนัด ประกอบกับมีปัญหาสุขภาพ และน้องป่วย แม้จะแจกแจงเหตุผลว่าไม่เกี่ยวพันกันกับเรื่องเตาเผาขยะฉาวดังกล่าว แต่กระนั้นกระแสสังคมก็ยังคงโฟกัส เรื่องนั้นอยู่ดี กระทั่งผู้ว่าฯกทม.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่ ยืนยันไม่มีอะไรในกอไผ่กับการลาออกของ 2 ผู้ว่าฯ พร้อมการันตีโปรเจ็กต์เตาเผาขยะโปร่งใส ไร้ล็อกสเปก ************************** ฝุ่น 2.5 วิกฤติกทม.-วิกฤติไทย หมอก แต่ไม่ใช่หมอก แต่เป็นฝุ่นพิษ 2.5 ที่ฟุ้งกระจายไปทั่วเมืองหลวง และภูมิภาคของไทย ทั้งกทม. และเชียงใหม่ ต่างสร้างชื่อติดชาร์ตอันดับ 1 เมืองฝุ่นพิษของโลก กระทั่ง ต้องมีการระดมหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันครั้งใหญ่ช่วงต้นปีที่วิกฤติหนัก โดยมีกทม.เป็นเจ้าภาพ เรียกว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่ได้เห็นหน่วยงานมากมาย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้เฉพาะทางจากทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้ประกอบการ ผู้รับเหมาก่อสร้างในกทม.ทั้งหลาย มาร่วมกันแก้ปัญหา ทั้งปฏิบัติการฝนหลวงที่มาเป็นพระเอกก่อนหน้า ที่ทำให้ใครต่อใครต่างน้ำตาซึมด้วยนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณไม่สิ้นสุดของในหลวงรัชกาลที่ 9 และต่อมาทั้งโดรนบินพ่นน้ำ ทั้งใช้เครื่องบินเล็ก และอีกหลายวิธี ปฏิบัติการลดฝุ่นของมนุษย์ เทียบไม่ได้กับปัญหาสะสมมลพิษที่เกิดจากมนุษย์เช่นกัน เรื่องฝุ่นจึงยังคงไม่หายไปไหน และจะกลายเป็นวิกฤติที่คนเมือง คนไทยต้องประสบกันทุกปี โดยเฉพาะปีนี้ ที่ถือว่ามาเร็วกว่ากำหนด...และคงต้องผจญฝุ่นพิษกันทุกปีต่อไป *************************** “มะลิซัง” ฮีโร่ทางเท้า เป็นมาตรการที่เด็ดขาดสำหรับกทม. กับการจัดระเบียบทางเท้า ห้ามรถจักรยานยนต์วิ่งเด็ดขาด หลังจากก่อเหตุชนคนเดินเท้าบาดเจ็บไปนักต่อนัก และแม้จะมีการจับปรับ จาก 500 และเพิ่มเป็น 1,000 และเพิ่มอีกเป็น 2,000 และถึงขั้นจะเพิ่มเป็น 5,000 บาท เพื่อให้เข็ดหลาบก็ตาม ก็ยังดื้อแพ่งดิ้นรนจะขี่บนทางเท้าไปให้อยู่ดี… แต่สำหรับเธอคนนี้ ไม่ยอม นศ.ญี่ปุ่น ที่มีชื่อไทยว่า มะลิซัง ที่เติบโตมาในประเทศที่เคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบ บอกยอมไม่ได้ เธอบอกตลอด 6 ปีที่อยู่เมืองไทย เจอรถวิ่งบนทางเท้าแล้วไม่ยอมหลบให้ ทำแบบนี้มาเป็น 100 ครั้ง ทั้งเคยถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ยอมให้ใครมาละเมิดสิทธิ ท่ามกลางเสียงชื่นชม และขอบคุณของคนไทย ที่เธอเป็นเสมือนฮีโร่ ผู้กล้า เผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง ขณะคนไทยที่ส่วนใหญ่มักจะยอมให้ปล่อยผ่าน เพราะไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากมีเรื่องกับใคร ด้วยคนเดี๋ยวนี้ หัวร้อนกันนัก ไม่กล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง... **************************** ทางเดินริมน้ำ 5 ปียังค้านหนัก โปรเจ็กต์ของรัฐบาลกว่า 8 พันล้าน มอบหมายให้กทม.เริ่มต้นดำเนินการ โดยหวังจะให้เป็นโครงการเพื่อคุณภาพชีวิต เน้นให้ทุกคนเข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ 14 กม. จากสะพานพระราม 7 ถึงกรมชลประทาน (ฝั่งพระนคร) ช่วงที่ 1 และสะพานพระราม 7 ถึงคลองบางพลัด ฝั่งธนฯ ช่วงที่ 3 จะเป็นโครงการนำร่อง จากจุดเริ่มมาถึงปัจจุบัน เกือบ 5 ปี ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อกังขาโครงการ ถึงความรีบเร่ง รวบรัด รูปแบบไม่ชัด ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่มีการทำ ขณะโครงการระบุได้ลงพื้นที่ชุมชนมาแล้วกว่า 400 ครั้ง ไม่มีปัญหา จากรัฐบาลรักษาการ จนมาถึงรัฐบาลเลือกตั้ง แม้จะมีสิทธิอำนาจเต็ม แต่กระนั้นโครงการนี้ยังคงมีการคัดค้านด้วยความห่วงใยระบบนิเวศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไม่เหมือนเดิม กว่า 30 องค์กรที่รวมตัวกันคัดค้าน เดินหน้าให้ทั้งกทม.-รัฐบาลทบทวน ขณะผู้ว่าฯอัศวิน ลั่น ไม่ทำแน่ หากคนไม่เห็นด้วย 100% ******************* ไล่ออก 3 เทศกิจรีดผู้ค้า เทศกิจน้ำดีมีมากมาย แต่ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า เรื่องร้ายๆ มักจะเรียกความสนใจได้มากกว่า โดยเฉพาะเห็นภาพกันจะจะ หลักฐานชัดแจ๋ว กับคลิปวิดีโอแฉพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตคลองเตย 3 ราย ที่จอดรถลงไปหาพ่อค้าขายผลไม้ที่ทางเท้าใต้บันไดสถานีรถไฟฟ้าอโศก แล้วทำท่าทำทางคล้ายข่มขู่จะจับ ขณะพ่อค้าพยายามยกมือไหว้ เจรจากัน กระทั่งจบลงที่พ่อค้ายื่นถุงผลไม้ให้ พร้อมใส่เงินในถุงให้ไปด้วย เมื่อหลักฐานชัดขนาดนี้ ทางเขตจึงสั่งให้ทั้ง 3 นายออกราชการไว้ก่อน พร้อมมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และสุดท้ายผลออกมาว่า ทั้ง 3 กระทำผิดร้ายแรงจริงๆ เท่ากับเป็นการเชือดไก่ให้ลิงกลัว และยิ่งยุคนี้ที่ทุกคนก็เป็นนักข่าวได้ ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน...