กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วสำหรับ “สายมู” ที่ต่างเสาะแสวงหาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เดินสายสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต โดยในปี 2563 นี้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของการขึ้นรอบนักษัตรใหม่ ซึ่งตรงกับ “ปีชวด” หรือ “ปีหนู” มีสถานที่น่าสนใจอยู่ 4 แห่ง ที่คนปีชวดและสายมูทั้งหลายควรแวะไปให้ได้สักครั้งในปีนี้ พระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ เริ่มกันที่ “วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่” วัดสำคัญคู่เมืองจอมทอง ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวล้านนาโดยทั่วไป และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีชวดตามคติล้านนาอีกด้วย ศาสนสถานแห่งนี้เป็นประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวาและส่วนอื่นๆ รวม 5 องค์ ซึ่งความพิเศษของพระบรมธาตุที่นี่ก็คือ เป็นพระบรมธาตุเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เราสามารถมองเห็นเนื่องจากพระบรมธาตุไม่ได้บรรจุไว้ในเจดีย์ แต่ประดิษฐานอยู่ในกู่ภายในพระวิหาร โดยในทุกปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เหนือ (ราวเดือนมิถุนายน) ขอบคุณภาพ www.thetrippacker.com/th/image/location/135622 โดย Muak Everton พระพุทธรูปประจำปีชวด ถัดมาขอเอาใจคนปีชวด “พระพุทธรูปประจำปีชวด ปางโปรดอาฬวกยักษ์” โดยมีพุทธลักษณะอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายอยู่บนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) จีบนิ้วพระหัตถ์ เป็นกิริยาทรงแสดงธรรม เป็นลักษณะเดียวกับปางปฐมเทศนา บางแบบพระหัตถ์ซ้ายวางบนพระชานุ (เข่า) ซึ่งผู้สนใจสามารถแวะไปกราบสักการะกันได้ที่ วัดบุรีราชวนาราม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ขอบคุณภาพ เพจ - เด็กน้อย หัดถ่ายภาพ ศาลเจ้าพ่อหนู บางลำพู มาถึง “ศาลเจ้าพ่อหนู” หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกกันว่า “เจ้าพ่อหนู บางลำพู” ที่นี่บอกเลยว่า “สายมู” ที่แท้ทรูต้องมา โดยศาลศักดิ์สิทธิ์สุดขลังแห่งนี้ ริมคลองบางลำพู ใกล้สะพานนรรัตน์สถาน เลียบถนนสามเสน เขตพระนคร กรุงเทพฯ แม้ตามประวัติจะไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง แต่สันนิษฐานว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี โดยสร้างขึ้นจากความศรัทธาของชาวจีนกลุ่มต่างๆ ทั้งชาวจีนแต้จิ๋วและชาวจีนแคะที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภายในศาลประดิษฐาน “เจ้าพ่อหนู” มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นองค์ประธาน เล่ากันต่อๆมาว่ามีชาวบ้านพบพระพุทธรูปลอยน้ำมาติดที่ท่าน้ำคลองบางลำพู บริเวณซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของตลาดนานา ชาวบ้านจึงพากันเสี่ยงทาย กระทั่งสามารถอัญเชิญขึ้นมาได้สำเร็จ จากนั้นจึงร่วมใจกันสร้างศาลชั่วคราวเพื่อประดิษฐาน และพัฒนาเป็นศาลเจ้าที่มีความแข็งแรงสวยงามดังเช่นที่ปรากฏในปัจจุบัน ขอบคุณภาพ เพจ – ศาลเจ้าพ่อหนู บางลำพู พระพิฆเนศ ปิดท้ายกันที่ “พระพิฆเนศ” หรือที่คนอินเดียส่วนใหญ่รู้จักเในนามว่า คเณศ ซึ่งแปลว่า “นายของพวกคณะ ซึ่งเป็นบริวารของพระศิวะ” โดยพระนามสำคัญของพระองค์ก็คือ “พิฆเนศวร” อันหมายถึง “เจ้าผู้มีอำนาจเหนืออุปสรรค” โดยคนไทยต่างรู้จักพระองค์ในฐานะ “เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ” ด้วยพาหนะของพระพิฆเนศเป็น “หนู” มีนามว่า “มุสิกะ” ซึ่งในทางปรัชญาเปรียบเทียบหนูเป็นตัวแทนกิเลสต่างๆ ขณะที่พระพิฆเนศเป็นตัวแทนชญาณ (ความรู้, ปรีชาหยั่งรู้) ดังนั้นผู้ที่ต้องการชนะกิเลส/อุปสรรคทั้งปวง จึงนิยมบูชาพระพิฆเนศ ขอบคุณภาพ http://www.idotravellers.com/index.php/ido-1-79/16-book/125-ido-45-1