เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปหลายๆ ประเทศ การนั่งนิ่งบนเครื่องบินนานๆ หลายชั่วโมงอาจจะเหนื่อยล้า ขยับแขนขาไม่ถนัด โดยเฉพาะเที่ยวบินในไฟลท์ที่ยาวนานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป ดังนั้นเพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนเป็นไปอย่างราบรื่น และเก็บเกี่ยวเรื่องราวประสบการณ์ที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดปีใหม่ที่กำลังจะถึงหลายๆ คนได้แพลนไปเที่ยวต่างประเทศ จึงทำให้สกู๊ต มีเคล็บลับดีๆ มาฝากก่อนเริ่มทริปในวันหยุดยาว
สแตนบายล่วงหน้าสนามบิน
สิ่งที่นักเดินทางทุกคนต้องทำก่อนขึ้นเครื่องบินโดยไม่มีข้อยกเว้น คือ การเช็คอินเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง ซึ่งแนะนำให้นักเดินทางทุกคนเผื่อเวลาไปถึงสนามบินก่อนเวลาเดินทางอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ในการเช็คอินที่เคาท์เตอร์ของสายการบินในอาคารผู้โดยสารขาออก และถ้าหากไม่อยากกังวลเรื่องการต่อคิวเช็คอินที่ยาวเหยียดเหมือนแถวจ่ายเงินตามร้านช็อปปิ้ง ควรเช็คอินล่วงหน้าแบบชิลๆ ด้วยปลายนิ้วที่เว็บไซต์ของสายการบิน หลังจากนั้นควรจัดการเรื่องการฝากสัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้ท้องเครื่องให้เรียบร้อย ก่อนไปรอขึ้นเครื่องบินตามประตูที่กำหนด ถือเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นเครื่องบิน ทั้งนี้การเช็คอินออนไลน์กับสายการบินสกู๊ต สามารถทำได้ตั้งแต่ 48 - 1 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ที่ https://makeabooking.flyscoot.com/checkin
ช็อทลิสท์ไอเท็มจำเป็นติดตัว
ด้วยความที่บางไฟลท์อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง ดังนั้นการนั่งอยู่บนเครื่องบินโดยขาดของใช้ หรืออุปกรณ์คู่ใจอาจทำให้นักเดินทางหลายคนรู้สึกเบื่อ จึงขอแนะนำให้เตรียมของใช้ที่จำเป็นติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย เช่น ผ้าปิดตา หมอนรองคอ และเสื้อผ้าที่ใส่สบาย เช่น เสื้อยืดหลวมๆ กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบที่ใส่สบายเพื่อจะได้หลับเต็มอิ่มตลอดการบิน หรือหากไม่รู้สึกง่วงควรมีหนังสือเล่มใหม่ แบตเตอรี่สำรองและหูฟังสำหรับเอาไว้ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงยาประจำตัว ลูกอม ขนมขบเคี้ยวสำหรับป้องกันหูอื้อ ซึ่งหากมีลิสท์ของพวกนี้อยู่ใกล้ตัว การนั่งเครื่องบินนานๆ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็เป็นได้ ทั้งนี้สัมภาระที่จะนำขึ้นเครื่องได้นั้นจะต้องไม่เกิน 2 ใบและมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 10 กิโลกรัม สำหรับที่นั่งชั้นประหยัด ส่วนแบตเตอรี่สำรองนั้นต้องมีความจุระหว่าง 20,000 - 32,000 mAh (นำติดตัวไปได้ 2 ก้อน) และของเหลวหรือสเปรย์ต้องมีความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร
ที่นั่งตำแหน่งดีเป็นสิ่งสำคัญ
ส่วนตำแหน่งที่นั่งบนเครื่องบิน นับเป็นสิ่งที่นักเดินทางส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่างคนต่างก็มีทริคในการเลือกที่นั่งเป็นของตัวเอง ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนตัว เช่น ผู้ที่มีรูปร่างสูงก็จะเลือกที่นั่งริมที่ติดทางเดินหรือแถวประตูฉุกเฉิน ส่วนผู้ที่บินไฟลท์ดึกหรืออยากงีบไปยาวๆ ก็จะเลือกที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อเลี่ยงการถูกปลุกโดยผู้ที่นั่งข้างๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเลือกที่นั่งในตำแหน่งที่ดีเพียงใดก็ตาม การลุกเดินไปเข้าห้องน้ำทุกๆ 1-2 ชั่วโมง จะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เปลี่ยนอิริยาบถและทำให้รู้สึกสบายขึ้น ทั้งนี้ยังสามารถยืดกล้ามเนื้อคลายเมื่อยในที่นั่งของตัวเองได้ โดยการยกเข่าขึ้นทีละข้าง จากนั้นใช้แขนทั้งสองข้างกอดเอาไว้สัก 15 วินาที หรือค่อยๆ เอียงคอแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาช้าๆ สัก 10 ครั้ง ก็จะช่วยสลัดอาการเมื่อยออกไปได้ดีทีเดียว
เติมความสดชื่นตลอดไฟลท์
สำหรับ การนั่งเครื่องบินนานๆ ไม่เพียงทำให้รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นเนื่องจากอากาศบนเครื่องบินจะแห้งกว่า มีระดับความชื้นที่น้อยกว่าบนพื้นดิน ดังนั้น การจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน ถือเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และงดเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทั้งก่อนขึ้นเครื่องบินและระหว่างการเดินทาง เพราะว่าเครื่องดื่มดังกล่าวจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่พอดีก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากดื่มน้ำอัดลมหรือรับประทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดจนรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ แล้ว เทคนิคลับที่อยากแนะนำ คือ ถอดคอนแทคเลนส์ เตรียมโลชั่นบำรุงผิวขวดเล็กๆ หรือแผ่นมาสก์หน้าติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย รับประกันได้เลยว่าสดชื่นตลอดไฟลท์
เลือกสายการบินที่ตรงกับใจ
สุดท้าย คือ สายการบินที่ชื่นชอบ สำหรับสกู๊ตมีที่นั่งที่สบาย เนื่องจากมีระยะห่างเฉลี่ยระหว่างที่นั่งถึง 31 นิ้ว แถมกว้างถึง 18 นิ้ว ในส่วนของที่นั่งชั้นประหยัด ซึ่งกว้างกว่าสายการบินโลว์คอสต์อื่นๆ ขณะที่พนักพิงศรีษะปรับได้เต็มที่ มีอินเทอร์เน็ตไวไฟพร้อมให้ใช้งาน แถมยังบินไปได้หลายประเทศ ทั้งที่เที่ยวยอดฮิตของคนไทยอย่างญี่ปุ่น หรือจะแวะระหว่างทางเพื่อสัมผัสความอลังการของสนามบิน Jewel Changi Airport ที่สิงคโปร์ หรือจะบินไกลไปแถบยุโรปอย่างกรีซและเยอรมนีก็ได้ จ่ายสะดวกนั่งสบายทุกไฟลท์แน่นอน เตรียมวางแผนเที่ยวกันได้ ที่ https://www.flyscoot.com/th/fly-scoot/onboard/economy-class
สิ่งที่นักเดินทางทุกคนต้องทำก่อนขึ้นเครื่องบินโดยไม่มีข้อยกเว้น คือ การเช็คอินเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง ซึ่งแนะนำให้นักเดินทางทุกคนเผื่อเวลาไปถึงสนามบินก่อนเวลาเดินทางอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ในการเช็คอินที่เคาท์เตอร์ของสายการบินในอาคารผู้โดยสารขาออก และถ้าหากไม่อยากกังวลเรื่องการต่อคิวเช็คอินที่ยาวเหยียดเหมือนแถวจ่ายเงินตามร้านช็อปปิ้ง ควรเช็คอินล่วงหน้าแบบชิลๆ ด้วยปลายนิ้วที่เว็บไซต์ของสายการบิน หลังจากนั้นควรจัดการเรื่องการฝากสัมภาระหรือกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้ท้องเครื่องให้เรียบร้อย ก่อนไปรอขึ้นเครื่องบินตามประตูที่กำหนด ถือเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นเครื่องบิน ทั้งนี้การเช็คอินออนไลน์กับสายการบินสกู๊ต สามารถทำได้ตั้งแต่ 48 - 1 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ที่ https://makeabooking.flyscoot.com/checkin
ช็อทลิสท์ไอเท็มจำเป็นติดตัว
ด้วยความที่บางไฟลท์อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง ดังนั้นการนั่งอยู่บนเครื่องบินโดยขาดของใช้ หรืออุปกรณ์คู่ใจอาจทำให้นักเดินทางหลายคนรู้สึกเบื่อ จึงขอแนะนำให้เตรียมของใช้ที่จำเป็นติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย เช่น ผ้าปิดตา หมอนรองคอ และเสื้อผ้าที่ใส่สบาย เช่น เสื้อยืดหลวมๆ กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบที่ใส่สบายเพื่อจะได้หลับเต็มอิ่มตลอดการบิน หรือหากไม่รู้สึกง่วงควรมีหนังสือเล่มใหม่ แบตเตอรี่สำรองและหูฟังสำหรับเอาไว้ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงยาประจำตัว ลูกอม ขนมขบเคี้ยวสำหรับป้องกันหูอื้อ ซึ่งหากมีลิสท์ของพวกนี้อยู่ใกล้ตัว การนั่งเครื่องบินนานๆ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็เป็นได้ ทั้งนี้สัมภาระที่จะนำขึ้นเครื่องได้นั้นจะต้องไม่เกิน 2 ใบและมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 10 กิโลกรัม สำหรับที่นั่งชั้นประหยัด ส่วนแบตเตอรี่สำรองนั้นต้องมีความจุระหว่าง 20,000 - 32,000 mAh (นำติดตัวไปได้ 2 ก้อน) และของเหลวหรือสเปรย์ต้องมีความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร
ที่นั่งตำแหน่งดีเป็นสิ่งสำคัญ
ส่วนตำแหน่งที่นั่งบนเครื่องบิน นับเป็นสิ่งที่นักเดินทางส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่างคนต่างก็มีทริคในการเลือกที่นั่งเป็นของตัวเอง ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนตัว เช่น ผู้ที่มีรูปร่างสูงก็จะเลือกที่นั่งริมที่ติดทางเดินหรือแถวประตูฉุกเฉิน ส่วนผู้ที่บินไฟลท์ดึกหรืออยากงีบไปยาวๆ ก็จะเลือกที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อเลี่ยงการถูกปลุกโดยผู้ที่นั่งข้างๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเลือกที่นั่งในตำแหน่งที่ดีเพียงใดก็ตาม การลุกเดินไปเข้าห้องน้ำทุกๆ 1-2 ชั่วโมง จะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เปลี่ยนอิริยาบถและทำให้รู้สึกสบายขึ้น ทั้งนี้ยังสามารถยืดกล้ามเนื้อคลายเมื่อยในที่นั่งของตัวเองได้ โดยการยกเข่าขึ้นทีละข้าง จากนั้นใช้แขนทั้งสองข้างกอดเอาไว้สัก 15 วินาที หรือค่อยๆ เอียงคอแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาช้าๆ สัก 10 ครั้ง ก็จะช่วยสลัดอาการเมื่อยออกไปได้ดีทีเดียว
เติมความสดชื่นตลอดไฟลท์
สำหรับ การนั่งเครื่องบินนานๆ ไม่เพียงทำให้รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นเนื่องจากอากาศบนเครื่องบินจะแห้งกว่า มีระดับความชื้นที่น้อยกว่าบนพื้นดิน ดังนั้น การจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน ถือเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และงดเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทั้งก่อนขึ้นเครื่องบินและระหว่างการเดินทาง เพราะว่าเครื่องดื่มดังกล่าวจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่พอดีก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากดื่มน้ำอัดลมหรือรับประทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดจนรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ แล้ว เทคนิคลับที่อยากแนะนำ คือ ถอดคอนแทคเลนส์ เตรียมโลชั่นบำรุงผิวขวดเล็กๆ หรือแผ่นมาสก์หน้าติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย รับประกันได้เลยว่าสดชื่นตลอดไฟลท์
เลือกสายการบินที่ตรงกับใจ
สุดท้าย คือ สายการบินที่ชื่นชอบ สำหรับสกู๊ตมีที่นั่งที่สบาย เนื่องจากมีระยะห่างเฉลี่ยระหว่างที่นั่งถึง 31 นิ้ว แถมกว้างถึง 18 นิ้ว ในส่วนของที่นั่งชั้นประหยัด ซึ่งกว้างกว่าสายการบินโลว์คอสต์อื่นๆ ขณะที่พนักพิงศรีษะปรับได้เต็มที่ มีอินเทอร์เน็ตไวไฟพร้อมให้ใช้งาน แถมยังบินไปได้หลายประเทศ ทั้งที่เที่ยวยอดฮิตของคนไทยอย่างญี่ปุ่น หรือจะแวะระหว่างทางเพื่อสัมผัสความอลังการของสนามบิน Jewel Changi Airport ที่สิงคโปร์ หรือจะบินไกลไปแถบยุโรปอย่างกรีซและเยอรมนีก็ได้ จ่ายสะดวกนั่งสบายทุกไฟลท์แน่นอน เตรียมวางแผนเที่ยวกันได้ ที่ https://www.flyscoot.com/th/fly-scoot/onboard/economy-class