ศาล จ.สตูล นัดพร้อมตรวจคำให้การกลุ่มนักปกป้องบ้านเกิดค้านท่าเรือน้ำลึกปากบารา และ 5 ทนายสู้คดีบุกรุกเหตุล้มเวที ค.1 เชื่อเป็นบทเรียนสำคัญทางภาครัฐ
วันที่ 23 ธ.ค.2562 ที่ศาลจังหวัดสตูลจำเลย 9 คนซึ่งเป็นนักปกป้องบ้านเกิด (จากโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา)ถูกฟ้องจากสำนักงานอัยการภาค ในข้อหาบุกรุกในเวลากลางวันและยามวิกาล เหตุร่วมกับพวกในการล้มเวทีแสดงความคิดเห็นที่1 โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา
โดยวันนี้ศาลจังหวัดสตูลได้นัดพร้อมจำเลยทั้ง 9 คน และทนายความ 5 คนเดินทางมาเพื่อตรวจคำให้การฝ่ายโจทย์ พยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบต่อเนื่อง
โดย ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความและผู้ประสานงานมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน พร้อมทนายทั้ง 5 กล่าวว่า วันนี้เป็นการมาดูพยานหลักฐานของโจทก์ด้วย มีอะไรบ้างจากนั้นศาลจังหวัดสตูลจะกำหนดวันนัดสืบพยานต่อไป สำหรับประเด็นที่จะมีการต่อสู้คงหนีไม่ผลข้อหาบุกรุกโดยทางโจทก์ฟ้องว่าชาวบ้านได้บุกรุกในเวลากลางวันและยามวิกาล. โดยเข้าไปบุกรุกในสถานที่ซึ่งกรมเจ้าท่าได้ขออนุญาตในการจัดรับฟังการทำประชาพิจารณ์. ซึ่งในประเด็นนี้ทางฝ่ายจำเลยจะสู้ ที่เจตนาว่าไม่ได้มีเจตนาในการบุกรุกไม่ได้กระทำผิดในฐานบุกรุก ตามที่ถูกกล่าวอ้าง
ในคดีนี้ทนายฝ่ายจำเลยยอมรับว่าไม่ถึงขั้นหนักใจเนื่องจากคดีนี้มีการดำเนินคดีมาตั้งนานแล้วเดิมที่พนักงานอัยการจังหวัดสตูลมีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้วด้วยเมื่อเรื่องไปถึงสำนักงานอัยการภาคมีคำสั่งกลับมาให้ดำเนินการฟ้อง โดยคดีนี้ในครั้งแรกมีการฟ้องพระราชบัญญัติการชุมนุมที่สาธารณะด้วยพอหันกลับมาให้มีการสั่งห้องพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะได้ขาดอายุความก็ไม่ได้สั่งฟ้องทำให้มีการสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาบุกรุก คดีนี้นับเป็นอีกหนึ่งคดีตัวอย่างของนักปกป้องบ้านเกิดในเรื่องของการใช้สิทธิ์ ทั้งสองฝ่าย ไปราชการและชาวบ้านในการใช้สิทธิ์ที่จะปกป้องและเข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะนำมาเป็นบรรทัดฐานของเราได้. หากชาวบ้านรู้ว่ามีการจัดเวทีไว้แล้วเขาไปรอก่อน ผิดหรือไม่ ดูแล้วไม่น่าจะผิดซึ่งการที่ชาวบ้านต้องไปก่อนเพราะมีหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมันมีพฤติกรรมหลายอย่างที่ผู้คัดค้านไม่สามารถเข้าไปร่วมเวทีได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีการดำเนินการในลักษณะนี้
และเห็นว่าเรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญให้กับหน่วยงานราชการด้วยเช่นกันการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นต้องจัดอย่าง โปร่งใสต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ กล่าวในที่สุด
สำหรับ 9 จำเลยนักปกป้องบ้านเกิดคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราและโครงการแลนบริดสตูล-สงขลา ประกอบด้วย 1.นายไกรวุฒิ ชูสกุล 2.นายวิโชค ศักดิ์รณรงค์ไพรี 3.นางเจ๊นะ วัฒนพันธ์ 4.นายสมบูรณ์ คำแหง 5.นายเชาวลิต ชูสกุล 6.นายปฎิหาร์ บุญรักษ์ 7.นายเอกชัย อิสระทะ8.นายหมัด ระหมันยะ(อิหม่ามมัสยิดบ้านสวนกง) และ 9.นายเจะปิอนันตท บริพงษ์ (คณะกรรมการมัสยิด)
โดย ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความและผู้ประสานงานมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน พร้อมทนายทั้ง 5 กล่าวว่า วันนี้เป็นการมาดูพยานหลักฐานของโจทก์ด้วย มีอะไรบ้างจากนั้นศาลจังหวัดสตูลจะกำหนดวันนัดสืบพยานต่อไป สำหรับประเด็นที่จะมีการต่อสู้คงหนีไม่ผลข้อหาบุกรุกโดยทางโจทก์ฟ้องว่าชาวบ้านได้บุกรุกในเวลากลางวันและยามวิกาล. โดยเข้าไปบุกรุกในสถานที่ซึ่งกรมเจ้าท่าได้ขออนุญาตในการจัดรับฟังการทำประชาพิจารณ์. ซึ่งในประเด็นนี้ทางฝ่ายจำเลยจะสู้ ที่เจตนาว่าไม่ได้มีเจตนาในการบุกรุกไม่ได้กระทำผิดในฐานบุกรุก ตามที่ถูกกล่าวอ้าง
ในคดีนี้ทนายฝ่ายจำเลยยอมรับว่าไม่ถึงขั้นหนักใจเนื่องจากคดีนี้มีการดำเนินคดีมาตั้งนานแล้วเดิมที่พนักงานอัยการจังหวัดสตูลมีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้วด้วยเมื่อเรื่องไปถึงสำนักงานอัยการภาคมีคำสั่งกลับมาให้ดำเนินการฟ้อง โดยคดีนี้ในครั้งแรกมีการฟ้องพระราชบัญญัติการชุมนุมที่สาธารณะด้วยพอหันกลับมาให้มีการสั่งห้องพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะได้ขาดอายุความก็ไม่ได้สั่งฟ้องทำให้มีการสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาบุกรุก คดีนี้นับเป็นอีกหนึ่งคดีตัวอย่างของนักปกป้องบ้านเกิดในเรื่องของการใช้สิทธิ์ ทั้งสองฝ่าย ไปราชการและชาวบ้านในการใช้สิทธิ์ที่จะปกป้องและเข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะนำมาเป็นบรรทัดฐานของเราได้. หากชาวบ้านรู้ว่ามีการจัดเวทีไว้แล้วเขาไปรอก่อน ผิดหรือไม่ ดูแล้วไม่น่าจะผิดซึ่งการที่ชาวบ้านต้องไปก่อนเพราะมีหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมันมีพฤติกรรมหลายอย่างที่ผู้คัดค้านไม่สามารถเข้าไปร่วมเวทีได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีการดำเนินการในลักษณะนี้
และเห็นว่าเรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญให้กับหน่วยงานราชการด้วยเช่นกันการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นต้องจัดอย่าง โปร่งใสต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ กล่าวในที่สุด
สำหรับ 9 จำเลยนักปกป้องบ้านเกิดคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราและโครงการแลนบริดสตูล-สงขลา ประกอบด้วย 1.นายไกรวุฒิ ชูสกุล 2.นายวิโชค ศักดิ์รณรงค์ไพรี 3.นางเจ๊นะ วัฒนพันธ์ 4.นายสมบูรณ์ คำแหง 5.นายเชาวลิต ชูสกุล 6.นายปฎิหาร์ บุญรักษ์ 7.นายเอกชัย อิสระทะ8.นายหมัด ระหมันยะ(อิหม่ามมัสยิดบ้านสวนกง) และ 9.นายเจะปิอนันตท บริพงษ์ (คณะกรรมการมัสยิด)