เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.62 ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดเชียงราย กลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวเมียนมาจำนวน 45 คน ซึ่งทำงานอยู่ในสวนกล้อยหอมของห้างหุ้นส่วนจำกัด พญาเม็งรายการเกษตร จำกัด ตำบลพญาเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ได้เดินทางมาร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกรณีนายจ้างค้างจ่ายค่าจ้าง คนงานรายหนึ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้มีแรงงานชาวเมียนมาอย่างน้อย 80 คนซึ่งเป็นลูกจ้างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้รับค่าจ้างมานานนับเดือน ทั้งนี้ตนและคนงานบางส่วนได้เข้าทำงานที่นี่หลายรุ่น โดยรายที่ทำงานนานที่สุดคือ 3 ปี แต่บางรายก็เพิ่งได้รับการว่าจ้างให้เข้าทำงานใหม่ แต่ปรากฏว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนในปีนี้เป็นต้นมา นายจ้างเริ่มมีปัญหาค้างจ่ายค่าจ้างต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้คนงานบางส่วนยังถูกพักงานโดยไม่ทราบสาเหตุตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นมา “ผมกับภรรยาทำงานที่สวนกล้วยแห่งนี้มาเป็นเวลานานสองปีกว่า นายจ้างค้างจ่ายค่าจ้างของผมจำนวน 27,533 บาท ค่าจ้างของภรรยาอีก 12,050 บาท พวกเราต้องประสบปัญหาต่างๆ เพราะไม่ได้รับค่าจ้าง พวกเราต้องการเงินไปซื้อหาอาหารและข้าวของเครื่องใช้ ตอนนี้หลายคนต้องติดค้างหนี้สินร้านค้า เพราะไม่มีเงินจ่าย บางคนยังต้องเจอปัญหาสัญญาจ้างงานที่จะหมกลงในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 นี้อีกด้วย”ลูกกจ้างรายนี้กล่าว แรงงานพม่ารายนี้กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนงานพยายามเรียกร้องให้นายจ้างรับผิดชอบจ่ายค่าจ้างให้ครบตามจำนวนที่คงค้างแต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ซึ่งตัวแทนสวนกล้วยแจ้งคนงานว่าจะจ่ายค่าจ้างให้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่ก็เลื่อนจ่ายเป็นวันที่ 20 ธันวาคม และเมื่อถึงวันที่กำหนดก็เลื่อนออกไปอีกเป็นวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ด้านนางสาวกรวรรณ จงสถาพรพันธ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบข้อเท็จจริงจากลูกจ้างและนายจ้างอยู่ ซึ่งหากได้ข้อเท็จจริงกระจ่ายก็จะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ข่าวแจ้งว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่พบว่า สวนกล้วยหอมแห่งนี้มีหุ้นส่วน 3 คนแต่หุ้นส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ซึ่งขณะนี้ธุรกิจกำลังมีปัญหาเนื่องจากหุ้นส่วนรายหนึ่งติดคุก หุ้นส่วนอีกคนหนึ่งกำลังป่วยหนัก ทำให้เงินหมุนเวียนขาดสภาพคล่อง อย่างไรก็ตามล่าสุดทางสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ออกคำสั่งบังคับให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามกฎหมายภายใน 15 วัน โดยนายจ้างรับปากว่าจะจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มกราคม 2562 อนึ่งสวนกล้อยหอมแห่งนี้ เดิมทีเป็นของนักธุรกิจจีนในนามบริษัทหงต๋า อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัดในเนื้อที่กว่า 2 พันไร่ แต่เมื่อ 3 ปีก่อนได้เกิดข้อพิพาทกับชุมชนเนื่องจากสูบน้ำในแม่น้ำอิงไปใช้ในยามหน้าแล้ง ทำให้ชาวบ้านโวยวายเพราะต้องการใช้น้ำไปทำน้ำประปา นอกจากนี้ชาวบ้านยังเชื่อว่าสวนกล้อยหอมแห่งนี้ยังใช้สารเคมีอย่างเข้มข้นเช่นเดียวกับสวนกล้วยหอมในฝั่งลาวซึ่งนักธุรกิจจีนแห่มาลงทุน จึงออกมาต่อต้าน อย่างไรก็ตามต่อมาหน่วยงานราชการบางแห่งและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนพบว่ามีการทำผิดเพราะเจ้าของเป็นคนต่างชาติ แต่มาลงทุนในอาชีพหวงห้าม แต่สุดท้ายได้มีการเปลี่ยนชื่อและหุ้นส่วนในนามคนไทยเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 สวนกล้อยแห่งนี้ได้ตกเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่