เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.62 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีใช้สถานะหรือตำแหน่งหน้าที่ส.ส.ก้าวก่าย แทรกแซงการพิจารณาของกรมป่าไม้ เกี่ยวกับที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่จ.ราชบุรี เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวเป็นป่าชุมชน ตามความต้องการของชาวบ้านในพื้นที่ ที่มีการร้องเรียน นายเรืองไกร กล่าวว่า กรมป่าไม้ได้มีการส่งเอกสารให้กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ตนเองเป็นกรรมาธิการฯ อยู่ด้วย จากเอกสารดังกล่าวซึ่งเป็นรายงานการประชุมของกรมป่าไม้ พบว่า นอกจากจะได้มีการสรุปลำดับเหตุการณ์ การจัดตั้งป่าชุมนุมหมู่ที่ 14 บ้านหนองน้ำใส ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่ชาวบ้านมีการไปร้องเรียน น.ส.ปารีณา ขอให้ตรวจสอบที่ดินของนางสมพร ซึ่งถือหนังสือ นส.2 และ นส. 3 เพราะต้องการให้ที่ดินดังกล่าวถูกตั้งเป็นป่าชุมชน จนกระทั่งมีการประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ น.ส.ปารีณา ก็ได้เข้าไปร่วมประชุมด้วย เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2562 โดยในรายงานการประชุมดังกล่าวระบุถ้อยคำ ของ น.ส.ปารีณาที่แจ้งกับที่ประชุม ว่าจะกำชับประสาน เร่งรัด การตรวจสอบดังกล่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชุมชนได้เร็วขึ้น จึงเห็นว่าถ้อยคำนี้เข้าข่ายว่า น.ส.ปารีณาใช้ตำแหน่ง ส.ส.ก้าวก่าย แทรกแซง การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง และผู้อื่น ผิด มาตรา 185 (1) ต้องมาร้องต่อ กกต. เพราะ หาก กกต.เห็นว่าผิดจริง ก็ต้องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนางปารีณาสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7 ) ประกอบมาตรา 82 วรรค 4 “การที่คุณปารีณาดูแลช่วยเหลือประชาชนนั้นถูกต้องแล้ว แต่หมายถึงต้องตั้งกระทู้ญัตติในสภาผู้แทนราษฎร์ ถามว่าการไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐแล้วใช้ถ้อยคำในลักษณะเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการถูกต้องแล้วหรือ จึงต้องมาร้องต่อกกต.ให้พิจารณาซึ่งอาจต้องเรียกเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาให้ปากคำว่าการใช้ถ้อยคำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว