ที่สนาม คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.62 เป็นการแข่งขันระหว่างทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากทวีปยุโรป พบกับทีม "ฟลาเมงโก" แชมป์ฟุตบอลโคปา ลิเบอตาดอเรส คัพ สมัยล่าสุดจากทวีปอเมริกาใต้ เริ่มเกมครึ่งแรกเป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้นก่อน จากจังหวะยิงสองครั้งติดกันของ นาบี เกอิต้า กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่บอลหลุดกรอบทั้งสองครั้ง จากนั้นนาทีที่ 18 แชมป์ลีกบราซิล ทักทายบ้านและหวิดได้ประตูเช่นกันจากจังหวะ ราฟินญ่า เติมเกมบุกขึ้นมาโยนบอลเข้าเขตโทษ บรูโน่ เอ็นรีเก้ สอดมาโหม่งหลุดออกหลังไม่เยอะ จากนั้นรูปเกมค่อนข้างทันกันและหาโอกาสลุ้นประตูลำบาก ก่อนเป็น ฟลาเมงโก้ ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกยิงของ บรูโน่ เอ็นรีเก้ แต่ไม่ผ่านมือ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ล้มตัวรับไว้ได้ทัน ช่วงท้ายครึ่งแรก หงส์แดง พยายามต่อบอลขึ้นมาแต่ยังหาช่องเจาะเกมรับคู่แข่งไม่เข้า จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันอยู่ 0-0 ครึ่งเวลาหลัง เป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ที่ทิ้งโอกาสทองที่จะขึ้นนำจากจังหวะของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วางบอลขึ้นหน้าถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กระดกบอลหนีกองหลัง ฟลาเมงโก้ แล้วได้ยิงเต็มข้อบอลพุ่งไปชนเสาไกลก่อนกระเด้งมาชนเสาแรกแล้วหลุดกรอบออกไป จากนั้น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เติมเกมบุกขึ้นมาแล้วปาดบอลเรียดเข้าเขตโทษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เข้าชาร์จบอลหลุดเสาแรกไม่ถึงคืบ จากนั้นเกมเปิดแลกกันสนุกและ ฟลาเมงโก้ เกือบได้เช่นกัน เอแวร์ตอน พลิกบอลมาจ่ายให้ กาเบรียล บาร์โบซ่า โยกหาช่องซัดเรียดติดเซฟ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ปัดออกไปได้ทันช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล เร่งเกมหนักมากขึ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บังบอลไว้แล้วไหลคืนให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เติมขึ้นมากดแต่บอลไปตรงตัว ดีเอโก้ อัลเวส รับสบาย และโอกาสทองอีกครั้งของแชมป์ยุโรป โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พยายามโยกหาช่องยิงก่อนจะไหลคืนให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งมาอัดบอลหน้าเขตโทษกำลังจะเสียบใต้คาน แต่ถูก ดีเอโก้ อัลเวส บินปัดข้ามคานออกไปำได้อีก ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมเล่นกันแแบบระวังตัวมากขึ้น ก่อนจะจบเกม 90 นาที ลิเวอร์พูล เสมอกับ ฟลาเมงโก้ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที ช่วงต่อเวลาพิเศษถึงนาที 99 ลิเวอร์พูล ได้ประตูออกนำ 1-0 ซาดิโอ มาเน่ โฉบไปรับบอลแล้วใจเย็นดึงจังหวะรอไหลบอลให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตามมารับบอลแล้วดึงจังหวะหลอกหนีกองหลัง ฟลาเมงโก้ กับ ดีเอโก้ อัลเวส มายิงเน้นๆ เสียบตาข่ายเด็ดขาด จากนั้น ลิเวอร์พูล เดินหน้าบุกต่อและได้โอกาสทองสองครั้งซ้อนจากการยิงของ ซาลาห์ กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แต่ไม่ผ่านมือ ดีเอโก้ อัลเวส ที่ปัดป้องกันไว้ได้หมด จบเกมช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูล เฉือนเอาชนะ ฟลาเมงโก้ 1-0 สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์สโมสรโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล : อาลีสซง เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เล็ด-แชมเบอร์เลน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ ฟลาเมงโก้ : ดีเอโก้ อัลเวส, ราฟินญ่า, ปาโบล มารี, โรดรีโก้ ไคโย่, ฟิลิเป้ ลุยส์, แกร์ซอน, วิลเลี่ยน อาเรา, เอแวร์ตอน, จอร์จาน เด อาร์ราสกาเอต้า, บรูโน่ เอ็นรีเก้ , กาเบรียล บาร์โบซ่า ผู้ตัดสิน : อับดุลราห์มาน อัล จัสซิม (กาตาร์)