ชาวเมืองพญาแล จ.ชัยภูมิ รวมใจกันจัดแข่งฟื้นกีฬาโบราณซึ่งมีให้ชมแห่งเดียวในโลก เปิดให้ชมระหว่าง 20-21 ธ.ค.62 มีนักท่องเที่ยวแห่เดินทางมาชมสุดยอดมหัสจรรย์กีฬาโบราณตีคลีไฟ เมืองคนไม่กลัวไฟมีให้ชมหนึ่งเดียวในโลกในประเทศไทย ปีนี้สุดคึกคัก วันนี้ ( 22 ธ.ค.62 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยนายอนุชา เ จริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ และตัวแทนจากทุกภาคส่วนร่วมกัน จัดงานเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาว และเป็นการสืบสานการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านโบราณที่มียาวนานนานนับหลายร้อยปี ที่มีให้ชมแห่งเดียวในโลก ที่ทาง จ.ชัยภูมิ ได้จัดให้มีงานมหัศจรรย์ตีคลีไฟ ที่จ.ชัยภูมิ กลับฟื้นคืนมาอีกครั้งมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2489 ซึ่งปีนี้จะจัดงานขึ้น 2 วันในระหว่างวันที่ 20-21 ธ.ค.62 นี้เท่านั้น ณ บริเวณจัดงาน ลานสนามกีฬาข้างวันแจ้งสว่าง บ้านหนองเขื่อง ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งการจัดสืบสานงานประเพณีการละเล่นกีฬาโบราณตีคลีไฟแห่งนี้ชาวบ้านในชุมชนต่างพร้อมใจกันอนุรักษ์และสืบสานการละเล่นดังกล่าวที่มีความเก่าแก่มานานหลายร้อยปี ที่สมัยปู่-ย่า ตา-ยาย เคยเล่นสนุกสนาน พักผ่อนหย่อนใจ เพื่อเป็นการช่วยคตลายหนาวให้กับร่างกายของคนในชุมชนแห่งนี้ หลังเสร็จสิ้นจากการทำไร่ ทำนา ก่อนที่จะสูญหายไปกับกาลเวลา ที่ทางจังหวัดทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเข้ามาช่วยสืบสานประเพณีตีคลีไฟ อีกครั้งมาอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ.2489 เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ และพัฒนาขึ้นมาเป็นงานประจำปีต่อเนื่องจนปัจจุบัน นั่นคือการเล่นกีฬาโบราณตีคลีไฟ สู่เทศกาลมหัศจรรย์ตีคลีไฟชัยภูมิ ซึ่งปีนี้นายอนุชา เ จริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ ได้นำตัวแทนทุกภาคส่วนในพื้นที่จ.ชัยภูมิ จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาหาที่พักโรงแรมเพื่อรอชมงานมหัศจรรย์การแข่งขันกีฬาโบราณตีคลีไฟแห่งเดียวในโลกที่จ.ชัยภูมิ อย่างคึกคักเป็นจำนวนมากทุกปี ซึ่งประเพณีตีคลีไฟ เป็นอีกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยต้องห้ามพลาด หนึ่งปีให้ให้ชมครั้งนี้เท่านั้นในช่วงเดือน ธ.ค.ของทุกปี รวมทั้งนักท่องเที่ยวจะได้มาสัมผัสเรื่องราวประวัติศาตร์เมืองชัยภูมิ ผ่านการแสดงกึ่งแสง สี เสียงตำนานตีคลีไฟ และความมหัศจรรย์ของคนเล่นไฟ ท่อนไม้ ที่ทำจากต้นนุ่น หั่นเป็นลูกกลมๆเท่าลูกฟุตบอล และนำไปเผาไฟ ลูกไฟสีแดงๆที่ติดไฟลุกโชนกลายเป็นอุปกรณ์การเล่น ให้ผู้เล่นใช้เหง้าไม่ไผ่ ลักษณะคล้ายไม้ฮอกกี้ หรือไม้ตีกอล์ฟ แต่ชาวบ้านที่นี่นำวัสดุตามท้องถิ่นนั่นคือเหง้าไม้ไผ่ และต้นนุ่นหรือต้นงิ้วที่มีในชุมชนแห่งนี้จำนวนมาก มาใช้แทน ซึ่งจะนำมาใช้แข่งขันกัน ด้วยการแย่งกันตีลูกคลีไฟที่เผาแล้ว แบ่งเป็นทีมฝ่ายละ 4-12 คน เพื่อแข่งกันในชุมชนระหว่างหมู่บ้านกว่า 16 หมู่บ้าน ของต.กุดตุ้ม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งฝ่ายไหนสามารถตีลูกไฟเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าเป็นฝ่ายชนะ ความสนุกสนานตื่นเต้น ที่ลูกคลีจะมีแสงสีแสงไฟพุ่งสวยงาม และเป็นการช่วยคลายหนาวในช่วงฤดูหนาวของทุกปี นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมทุกสายตาคอยลุ้นด้วยความหวาดเสียว กลัวว่าลูกไฟจะโดนผู้เล่น แต่คนที่หวาดเสียวที่สุดคือผู้รักษาประตู ที่จะเป็นคนต้องใช้มือเปล่าจับลูกไฟ สร้างเสียงฮือฮาทุกครั้งที่ลูกไฟถูกตีมายังประตู กันอย่างคึกคักสนุกสนานไปตลอดช่วงการแข่งขันจนจบงานเป็นประจำทุกปี โดยตามประวัติการเล่นกีฬาโบราณตีคลีไฟ มีตำนาน เล่าต่อกันมายาวนานนับหลายร้อยปีว่าการละเล่นแบบนี้ พบเห็นคนสมัยก่อนๆในชุมชนบ้านหนองเขื่องเก่าแก่แห่งนี้มานานและเริ่มมีการจัดสืบสานแสดงโชว์กันมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงประมาณปี 2489 ที่เดิมมีการละเล่นกันที่บ้านหนองเขื่อง ต.กุดตุ้ม เดิมทีเรียกกันว่าตีคลีโหลน คือใช้เหง้าไม้ไผ่ ตีลูกไม้นุ่นซึ่งมีน้ำหนักเบา แข่งกันแบบตีไกล ใครตีไปได้ไกลกว่าเป็นผู้ชนะ ต่อมาก็พัฒนามาเล่นเป็นทีม เผอิญช่วงหนึ่ง อากาศหนาวมีการก่อกองไฟไว้ข้างสนาม ที่จะอยู่ใกล้บ่อน้ำหนองเขื่องประจำชุมชน ที่จะมีคนมารอลงอาบน้ำที่นี่เป็นจำนวนมากทุกวัน และลูกไม้นุ่นถูกตีเข้าไปในกองไฟ กว่าจะเขี่ยออกมาได้ ไฟก็ติดจนลุกไหม้ ด้วยความสนุกสนานติดพันในเกมส์ พอเขี่ยออกมาได้ ก็ใช้เล่นต่อไปทั้งที่ลูกไม้นุ่นยังติดไฟ เวลาไม้กระทบลูกคลี ก็จะมีประกายไฟพุ่งส่องแสงสวยงาม และสร้างความตื่นเต้นมากขึ้น จากนั้นมา ก็เริ่มพัฒนามาจากการตีคลีโหลน จึงเปลี่ยนมานิยมเล่นตีคลีไฟ หลังจากนั้นก็เงียบหายไปอยู่พักหนึ่ง ไม่ค่อยพบเห็นการละเล่นเกือบ 1 ชั่วอายุคน ชาวบ้านหนองเขื่องบางคนยังคงจดจำภาพและเรื่องราวเอาไว้ได้ โดยเฉพาะนายอุ่น บุญชู อดีตผู้ใหญ่บ้าน ที่ปัจจุบันอายุกว่า 68 ปี ได้เล่าให้สื่อมวลชนและคณะครูนักวิชาการผู้ที่สนใจได้รับทราบ จึงเกิดแรงกระตุ้นให้เกิดการแสดงให้คณะชมรมสื่อมวลชนจ.ชัยภูมิและสมาคมนักข่าวจ.ชัยภูมิ ได้ดูและช่วยถ่ายทอด ในงานประจำปีของวัดแจ้งสว่าง ในชุมชนบ้านหนองเขื่อง และได้เป็นจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจ.ชัยภูมิ ได้เข้ามาช่วยกันฟื้นเข้ามาฟื้นสืนสานประเพณีกีฬาโบราณขึ้นอีกครั้งที่มีความชัดเจนให้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดยอดหาชมได้ยากแห่งเดียวในโลก มหัสจรรย์กีฬาโบราณตีคลีไฟที่ชัยภูมิ ที่โด่งดังไปทั่วโลกเกิดขึ้นอย่างชัดเจนมาต่อเนื่องมาได้จนปัจจุบันอีกด้วย