นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2563 ทางทีเส็บยังเดินหน้าทำตลาดในประเทศเป้าหมายหลักจากประเทศจีน อินเดีย และยุโรป หวังกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการนำเสนอ 115 จุดหมายไมซ์ภายใต้แนวคิด 7 มุมใหม่สไตล์ไมซ์ไทย และแคมเปญ 4Ms เช่นเดิม เพราะที่ผ่านมามีกระแสตอบรับจากการพบปะพูดคุยสร้างโอกาสทางธุรกิจที่จะนำงานเข้ามาจัดในไทยรวม 76 งาน ด้วยจำนวนนักเดินทางไมซ์ 45,365 คน น่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศ 2,952 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 1,386,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศ 105,600 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2562 ที่ผ่านมา จากสถิติพบว่า 10 อันดับแรกของตลาดไมซ์ที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด อันดับที่หนึ่งยังคงเป็นจีน ประมาณ 254,327 คน รองลงมาคืออินเดีย 166,817 คน สำหรับตลาดจากยุโรปมีจำนวนทั้งสิ้น 77,077 คน และตลอดเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทีเส็บได้ส่งเสริมตลาดต่างประเทศด้วยการจัดงานสานสัมพันธ์ผ่านกิจกรรม โชว์เคส และพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นเชิงธุรกิจ เจาะตลาดหลักอินเดียและจีน พร้อมร่วมงานเทรดโชว์ด้านไมซ์ในยุโรป เพื่อโชว์ศักยภาพประเทศไทย ด้วยการนำเสนอจุดขาย 115 จุดหมายไมซ์ ภายใต้แนวคิด 7 มุมใหม่ สไตล์ไมซ์ไทย หรือ 7 Magnificent MICE Themes พร้อมด้วยแคมเปญสนับสนุนการตลาด 4Ms ได้แก่ แคมเปญสำหรับกลุ่มประชุมที่เดินทางไปยังเมืองที่มีศักยภาพในจังหวัดต่างๆ (Meet Now) กลุ่มการประชุมขนาดใหญ่ (Meet Mega) กลุ่มประชุมตามธุรกิจภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 (Meet Smart) และกลุ่มประชุมที่จัดงานหรือทำกิจกรรมเพื่อการจัดงานอย่างยั่งยืน (Meet Sustainable 2020) ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับสิทธิพิเศษและงบประมาณสนับสนุนตามเงื่อนไข โดยจะมีการเสนอจุดหมายไมซ์และแคมเปญสนับสนุนให้เหมาะสมกับแต่ละตลาด สำหรับจีนและอินเดียจะเน้นเรื่องอาหารและวัฒนธรรม ส่วนตลาดยุโรปได้นำเสนอเส้นทางไมซ์ที่มีความหลากหลายทั้งด้านอาหาร ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซีเอสอาร์ กิจกรรมแนวผจญภัย พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าเปิดมุมมองใหม่ โน้มน้าวให้กลุ่มเป้าหมายสนใจสัมผัสประสบการณ์จัดประชุมและเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในเมืองไทย ด้าน ตลาดอินเดีย ทีเส็บได้จัดงาน Thailand MICE Showcase ช่วงที่ผ่านมา กรุงนิวเดลี เปิดเวทีเจรจาธุรกิจ โดยมีผู้ซื้อ 119 ราย จาก 14 เมือง มาพบปะกับผู้ประกอบการไมซ์ไทย 31 ราย พร้อมทั้งสายการบินแห่งชาติจากประเทศไทยอีก 3 ราย ได้แก่ การบินไทย ไทยสไมล์ และบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงที่จะนำงานเข้ามาจัดในประเทศไทย 50 งาน น่าจะมีนักเดินทางไมซ์กลุ่ม MI เข้าร่วมงาน 9,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศ 270 ล้านบาท ทั้งนี้ นายจิรุตถ์ กล่าวต่อว่า จากการพบปะพูดคุยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย ในงานเทรดโชว์ IBTM World 2019 เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เมื่อช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีจำนวนงานไมซ์ที่คาดว่าจะเข้ามาจัดในประเทศไทย (leads) จากเวทีการพบปะเจรจาธุรกิจภายในไทยแลนด์ พาวิลเลียนจำนวน 23 งานน่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศทั้งสิ้น 25,165 คน สร้างรายได้ให้ประเทศ 1,856 ล้านบาท รวมถึงกิจกรรม Executive Networking Event in China 2019 กรุงปักกิ่ง สาธารณประชาชนจีน ซึ่งเป็นงานที่สร้างความสัมพันธ์กับผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มองค์กรในจีน 21 บริษัทจาก 9 เมือง มีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่พร้อมทั้งรักษาตลาดเดิมไว้นั้นได้รับการยืนยันถึงงานเชิงธุรกิจที่จะเข้ามาจัดในไทย 3 งาน นำกลุ่มนักเดินทางไมซ์เข้าสู่ประเทศ 11,200 คน ประมาณการรายได้ 826 ล้านบาท สำหรับกลุ่มประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2562 ไทยมีนักเดินทางไมซ์กลุ่มประชุมจากต่างประเทศ จำนวน 331,084 คน สร้างรายได้ 29,556 ล้านบาท และนักเดินทางไมซ์กลุ่มเดินทางเพื่อเป็นรางวัลจากต่างประเทศ จำนวน 370,882 คน สร้างรายได้ 20,169 ล้านบาท โดยการจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดต่างประเทศ กลุ่มประชุมและกลุ่มเดินทางเพื่อเป็นรางวัลของทีเส็บในตลาดอินเดีย ยุโรปและจีนในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับที่จะเข้ามาจัดในไทยรวม 76 งาน มีนักเดินทางไมซ์รวมทั้งสิ้น 45,365 คน สร้างรายได้ 2,952 ล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยผลักดันให้ตลาดกลุ่มประชุมและกลุ่มเดินทางเพื่อเป็นรางวัล มีการเติบโตได้ตามเป้าหมายในปีงบประมาณ 2563 คือ มีจำนวนรวม 762,000 คน ทำรายได้ 57,000 ล้านบาท และส่งผลต่อตลาดไมซ์โดยรวมให้บรรลุตามเป้าหมายช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตไปด้วยกัน