ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.562 ปรับตัวดีขึ้นรอบ 6 เดือน จากเร่งผลิตสินค้าก่อนหยุดยาวรับปีใหม่ รับกังวลค่าแรงขั้นต่ำ-ภัยแล้ง-บาทแข็งนาน-ลุ้นสงครามการค้าจบเร็ว วอนรัฐเร่งรัด Made in Thailand ให้เป็นรูปธรรม
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.62 จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,205 รายทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 92.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 91.2 ในเดือนตุลาคม โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.62 เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าเพื่อชดเชยวันทำงานที่น้อยกว่าปกติในช่วงเดือนธ.ค.62 ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อและยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแฟชั่น อาหาร สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เป็นต้น
สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับ 101.3 ลดลงจากระดับ 102.9 ในเดือนต.ค.62เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่จะกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมทั้งปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณวัตถุดิบในอุตสาหกรรม แปรรูปสินค้าเกษตร ตลอดจนค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคและมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาสินค้าส่งออกลดลง แต่หากสหรัฐฯและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้จะทำให้การส่งออกของไทยมีทิศทางดีขึ้น
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้วิเคราะห์ทิศทาง 15 อุตสาหกรรมไทยในปี 2563 โดยอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว จะมีอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ปิโตรเคมี เครื่องสำอาง ปูนซิเมนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนอุตสาหกรรมที่ทรงตัว ได้แก่ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ส่วนอุตสาหกรรมชะลอตัว ได้แก่ เหล็ก เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์หนัง
โดยผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐชะลอตัว รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและปัญหาความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ส.อ.ท.มีความเห็นว่าภาครัฐควรหาแนวทางช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการเช่น พิจารณาปรับลดค่าสาธารณูปโภคชั่วคราว ภายหลังจากการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำวันที่ 1 ม.ค.63 เพื่อชดเชยค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น และขอให้ภาครัฐส่งเสริมสินค้า Made in Thailand ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศได้ต่อไป
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้วิเคราะห์ทิศทาง 15 อุตสาหกรรมไทยในปี 2563 โดยอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว จะมีอุตสาหกรรมยานยนต์ อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ปิโตรเคมี เครื่องสำอาง ปูนซิเมนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนอุตสาหกรรมที่ทรงตัว ได้แก่ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ส่วนอุตสาหกรรมชะลอตัว ได้แก่ เหล็ก เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์หนัง
โดยผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐชะลอตัว รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและปัญหาความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ส.อ.ท.มีความเห็นว่าภาครัฐควรหาแนวทางช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการเช่น พิจารณาปรับลดค่าสาธารณูปโภคชั่วคราว ภายหลังจากการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำวันที่ 1 ม.ค.63 เพื่อชดเชยค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น และขอให้ภาครัฐส่งเสริมสินค้า Made in Thailand ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศได้ต่อไป