ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. กล่าวว่า ทางนายเชวัง โชเฟล ดอร์จี เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย ได้เดินทางเยือนจังหวัดเลย เพื่อเยี่ยมชมหน่วยงานที่เป็นภาคีเครือข่ายการทำงานของ อพท. ทั้งในพื้นที่อำเภอเมืองเลย และอำเภอเชียงคาน ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายหลักของ อพท. ในการนำเอาเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก ของสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกไปประยุกต์ใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ให้เชียงคานสามารถก้าวขึ้นสู่ Top 100 Green Destinations ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
โดยมีภาคีเครือข่ายของ อพท.ทั้ง วิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ชุมชนเทศบาลตำบลเชียงคาน จุดก่อสร้างสกายวอล์ค ที่ภูคกงิ้ว ชุมชนบ้านท่าดีหมี ศูนย์วัฒนธรรมไทดำบ้านนาป่าหนาด ได้สะท้อนภาพการทำงานในหลากหลายมิติ ซึ่งต่างมีส่วนร่วมกับ อพท. โดยเฉพาะสำนักงานพื้นที่พิเศษเลย หรือ อพท. 5 ของ อพท. ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทั้งนี้ ในการประชุมสรุปผลการเยี่ยมชมภาคีเครือข่ายของ อพท. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะมีความร่วมมืออย่างน้อย 3 สาขา ได้แก่ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การศึกษาและวัฒนธรรม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาการท่องเที่ยวแห่งภูฏาน ที่จะเข้ามาร่วมมือกับ อพท. ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ เพื่อนำเอาเกณฑ์ GSTC ไปใช้อย่างเป็นระบบ
ในปัจจุบัน ประเทศภูฏาน มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่อยู่ใกล้กับประเทศภูฏาน ซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้แหล่งท่องเที่ยวเกิดการเสื่อมโทรม ซึ่งหลักเกณฑ์ GSTC ที่มีมาตรฐาน 4 ด้าน โดยรวมถึงเกณฑ์ในการกำหนดขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของพื้นที่ด้วย ซึ่ง อพท. มีความเชี่ยวชาญในการใช้เกณฑ์ดังกล่าวในพื้นที่พิเศษของ อพท. ทำให้ภูฏานสนใจที่จะให้ อพท. ไปอบรมให้ความรู้ด้านการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับบุคลากรของภูฏาน
ซึ่ง ดร.ชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นได้ทันทีในเชิงสัญลักษณ์ โดยเสนอให้ทางประเทศภูฏานส่งเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศไทย เข้าร่วมงานกาชาดดอกฝ้ายบานที่จังหวัดเลย ระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมร่วมเดินแฟชั่นโชว์ชุดประจำชาติ การทำอาหารพื้นถิ่น และการจัดนิทรรศการเพื่อแนะนำประเทศภูฏานให้กับผู้มาเยี่ยมชมงานดังกล่าว รวมถึงทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเลยและวิทยาลัยอาชีวศึกษาเลยได้จัดกิจกรรมให้เยาวชนภูฏานได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกันด้วย
ทั้งนี้ ในการประชุมสรุปผลการเยี่ยมชมภาคีเครือข่ายของ อพท. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะมีความร่วมมืออย่างน้อย 3 สาขา ได้แก่ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การศึกษาและวัฒนธรรม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาการท่องเที่ยวแห่งภูฏาน ที่จะเข้ามาร่วมมือกับ อพท. ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ เพื่อนำเอาเกณฑ์ GSTC ไปใช้อย่างเป็นระบบ
ในปัจจุบัน ประเทศภูฏาน มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่อยู่ใกล้กับประเทศภูฏาน ซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้แหล่งท่องเที่ยวเกิดการเสื่อมโทรม ซึ่งหลักเกณฑ์ GSTC ที่มีมาตรฐาน 4 ด้าน โดยรวมถึงเกณฑ์ในการกำหนดขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของพื้นที่ด้วย ซึ่ง อพท. มีความเชี่ยวชาญในการใช้เกณฑ์ดังกล่าวในพื้นที่พิเศษของ อพท. ทำให้ภูฏานสนใจที่จะให้ อพท. ไปอบรมให้ความรู้ด้านการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับบุคลากรของภูฏาน
ซึ่ง ดร.ชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นได้ทันทีในเชิงสัญลักษณ์ โดยเสนอให้ทางประเทศภูฏานส่งเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศไทย เข้าร่วมงานกาชาดดอกฝ้ายบานที่จังหวัดเลย ระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมร่วมเดินแฟชั่นโชว์ชุดประจำชาติ การทำอาหารพื้นถิ่น และการจัดนิทรรศการเพื่อแนะนำประเทศภูฏานให้กับผู้มาเยี่ยมชมงานดังกล่าว รวมถึงทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเลยและวิทยาลัยอาชีวศึกษาเลยได้จัดกิจกรรมให้เยาวชนภูฏานได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกันด้วย