เมื่อเวลา 11.00น. วันที่ 17 ธ.ค.2562 ที่อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดร.พิมพ์นิภา หิรัญย์สร อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทำการโชว์ฝีมือตำส้มตำและแกงอ่อมหมู ที่ปรุงรสด้วยผงปรุงรสที่ผ่านกระบวนการการวิจัยจากสมุนไพรธรรมชาติกว่า 13 ชนิด หรือที่เรียกว่า "ผงนัว" ผงปรุงรสสมุนไพรรูปแบบใหม่ที่ใช้แทนผงชูรส ด้วยกระบวนการผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้อย่างมาก
ดร.พิมพ์นิภา หิรัณย์สร อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ผงผักปรุงรสหรือที่เราว่าผงนัว เป็นผลงานวิจัยชิ้นสำคัญในการทำผงปรุงรสที่ไม่ใช้สารเคมี เพราะเป็นการนำเอาผักสมุนไพรพื้นบ้านมาผสมกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นผักหวานบ้าน, ฟักทอง ,ชะมวง ,กระเทียมและ ผักชีหอม ซึ่งผักต่างๆเหล่านี้จะให้สรรพคุณทางยาและช่วยดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญผักทั้งหมดนี้เป็นผักปลอดสารพิษ ดังนั้นจึงจะก่อให้เกิดการต่อยอดทางการตลาดได้อย่างแน่นอน
" ขณะนี้เราอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงสูตรเพื่อที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย โดยเฉพาะกับการปรับปรุงสูตรด้วยการนำสมุนไพรตัวอื่นเข้ามาเสริมเพื่อไม่ให้ต้นทุนสูงเกินไป และที่สำคัญคือในขณะนี้แนวโน้มตลาดของกลุ่มผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพ ดังนั้นการนำสมุนไพรมาผ่านกระบวนผลิตจนเราได้ผงนัวที่ผลิตจากสมุนไพร 100% จะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการให้กับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมาก"
ดร.พิมพ์นิภา กล่าวต่ออีกว่า วงการอุตสาหกรรมอาหารในปีที่ผ่านมา มีความตื่นตัวกับวัตถุดิบที่มาจากพืชและสมุนไพรจากธรรมชาติอย่างมาก ทำให้ผลงานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นอีกหนึ่งการตอบโจทย์ให้กับคนรักสุขภาพในการเลือกใช้ผงนัวสมุนไพรเป็นหนึ่งในการปรุงรสอาหารประเภทต่างๆ อย่างไรก็ตามขณะนี้ผงนัว จะเน้นไปในกลุ่มอาหารอีสานเป็นหลัก ขณะที่ในเรื่องของการจดสิทธิบัตรนั้นอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพื่อเป็นทรัพย์สินทางปัญญาให้กับกลุ่มวิสาหกิจสมุนไพรปลอดภัยบ้านศิลา จ.ขอนแก่นต่อไป
"งานวิจัยต่อไป ที่ มข.จะดำเนินการคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผงผักปรุงรสอาหารซึ่งกำลังอยู่ในชั้นตอนกาศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยการปรับปรุงสูตรเพื่อให้สามารถใช้ทดแทนผงชูรสในการปรุงอาหารได้ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มงานวิจัยที่อยู่กายใต้แผนบูรณาการอาหารอีสานปลอดภัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติอีกด้วย"
ดร.พิมพ์นิภา หิรัณย์สร อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ผงผักปรุงรสหรือที่เราว่าผงนัว เป็นผลงานวิจัยชิ้นสำคัญในการทำผงปรุงรสที่ไม่ใช้สารเคมี เพราะเป็นการนำเอาผักสมุนไพรพื้นบ้านมาผสมกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นผักหวานบ้าน, ฟักทอง ,ชะมวง ,กระเทียมและ ผักชีหอม ซึ่งผักต่างๆเหล่านี้จะให้สรรพคุณทางยาและช่วยดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญผักทั้งหมดนี้เป็นผักปลอดสารพิษ ดังนั้นจึงจะก่อให้เกิดการต่อยอดทางการตลาดได้อย่างแน่นอน
" ขณะนี้เราอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงสูตรเพื่อที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย โดยเฉพาะกับการปรับปรุงสูตรด้วยการนำสมุนไพรตัวอื่นเข้ามาเสริมเพื่อไม่ให้ต้นทุนสูงเกินไป และที่สำคัญคือในขณะนี้แนวโน้มตลาดของกลุ่มผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพ ดังนั้นการนำสมุนไพรมาผ่านกระบวนผลิตจนเราได้ผงนัวที่ผลิตจากสมุนไพร 100% จะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการให้กับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมาก"
ดร.พิมพ์นิภา กล่าวต่ออีกว่า วงการอุตสาหกรรมอาหารในปีที่ผ่านมา มีความตื่นตัวกับวัตถุดิบที่มาจากพืชและสมุนไพรจากธรรมชาติอย่างมาก ทำให้ผลงานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นอีกหนึ่งการตอบโจทย์ให้กับคนรักสุขภาพในการเลือกใช้ผงนัวสมุนไพรเป็นหนึ่งในการปรุงรสอาหารประเภทต่างๆ อย่างไรก็ตามขณะนี้ผงนัว จะเน้นไปในกลุ่มอาหารอีสานเป็นหลัก ขณะที่ในเรื่องของการจดสิทธิบัตรนั้นอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพื่อเป็นทรัพย์สินทางปัญญาให้กับกลุ่มวิสาหกิจสมุนไพรปลอดภัยบ้านศิลา จ.ขอนแก่นต่อไป
"งานวิจัยต่อไป ที่ มข.จะดำเนินการคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผงผักปรุงรสอาหารซึ่งกำลังอยู่ในชั้นตอนกาศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยการปรับปรุงสูตรเพื่อให้สามารถใช้ทดแทนผงชูรสในการปรุงอาหารได้ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มงานวิจัยที่อยู่กายใต้แผนบูรณาการอาหารอีสานปลอดภัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติอีกด้วย"